หนุ่มซิ่งจยย.ชนรถสายตรวจดับคาที่ ญาติโวยตร.ยิงซ้ำ

หนุ่มวัย 27 ซิ่งจยย.พุ่งชนกระบะสายตรวจตราโล่ดับคาที่ พร้อมเสียงปืนดังปริศนาจำนวน 3 นัด ญาติแห่ล้อมเชื่อตำรวจเป็นคนยิงซ้ำ

(12 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.อุดมสุข เดินทางเข้าตรวจสอบศพ นายสมชาย ชั่งทอง อายุ 27 ปี ภายหลังขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดง-ดำ แผ่นป้ายทะเบียน บธก 553 กทม.พุ่งชนรถกระบะสายตรวจตราโล่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมี ร.ต.อ. สามารถ ธรรมศร รองสว.ปป.สน.อุดมสุข และ ด.ต. อารักษ์ จันมาลา เป็นคนขับ โดยเหตุเกิดบริเวณด้านหลังสวนหลวงร.9 ห่างจากแยกเฉลิมพระเกียรติ 28 ประมาณ 100 เมตร ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มญาติและเพื่อนของผู้ตายกว่า 30 คน มายืนล้อมไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปใกล้ศพ พร้อมกับตะโกนด่าทอว่าตำรวจเป็นคนขับรถชน และยิงผู้ตาย

จากการสอบสวน ระบุว่าก่อนเกิดเหตุนั้นได้มีประชาชนแจ้งว่ามีแก๊งวัยรุ่นขับจักรยานยนต์ซิ่งกว่า 100 คัน มาประลองความเร็วกันบริเวณถนนแยกอุดมสุข มุ่งหน้าสวนหลวงร.9 เจ้าหน้าที่จึงออกมาดำเนินการตั้งด่านสกัดพร้อมนำรถกระบะคันดังกล่าวมาจอดขวางไว้บริเวณห่างจากจุดตรวจประมาณ 100 เมตร ส่วนผู้ตายนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์โดยไม่เปิดไฟมาถึงบริเวณดังกล่าว ก็ได้หลบรถซาเล้งและพุ่งชนกับรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนร่างกระเด็นนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณฟุตบาธ

โดยญาติของผู้ตาย อ้างว่าผู้ตายนั้นไม่ใช่เด็กแว๊นเนื่องจากมีอายุมากแล้ว และก่อนเกิดเหตุได้นั่งเดิมสุราอยู่กับเพื่อนๆประมาณ 7-8 คน ภายในซอยใกล้ที่เกิดเหตุ จากนั้นก็ขอตัวไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ ให้ลูกสาวและขับออกมาจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 3 นัด จึงวิ่งออกมาดู และเชื่อตำรวจเป็นคนยิง

ขณะที่เพื่อนของผู้ตาย ให้การว่า ได้ขับรถจยย.กันอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุจริง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถเข้าไปในซอยเฟื่องฟ้า ก่อนจะขับออกมาจากซอย ส่วนผู้ตายได้ขับรถจยย.วิ่งตรงมาตามทางเพื่อที่จะไปซื้อนมให้ลูก แต่ตำรวจได้ขับรถกระบะเข้ามาขวางเอาไว้ทำให้ชนกับรถของผู้ตายจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีคนได้ยินเสียงปืน คาดว่าตำรวจน่าจะใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายซ้ำจนเสียชีวิตอีกด้วย

ด้าน ร.ต.อ.สามารถ เปิดเผย ยืนยันว่า ได้ขับรถคันดังกล่าวมาตั้งด่านโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรถ 4 นาย ซึ่งผู้ตายขับรถมุ่งหน้ามายังสวนหลวงร.9 โดยไม่เปิดไฟด้านหน้า และได้เฉี่ยวชนซาเล้งเก็บของเก่า ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่อย่างแรง จึงลงมาดูพบผู้ตายเสียชีวิตแล้ว ส่วนชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้ปิดล้อมเพื่อจะเข้ามาทำร้าย ตนจึงชักปืนขึ้นมาขู่เพื่อป้องกันตัว แต่ยืนยันไม่ได้ยิงใส่ผู้ตาย

ทั้งนี้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จริงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย หากตำรวจผิดจริงก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เบื้องต้นแพทย์ได้ระบุว่าสภาพศพไม่มีบาดแผลจากกระสุนปืน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องส่งศพให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป