“ครูหยุย” หนุนรัฐจัดเรตติ้งให้ตรงกับเนื้อหา-เวลา

“ครูหยุย” หนุนรัฐจัดเรตติ้งให้ตรงกับเนื้อหา-เวลา

“ครูหยุย” หนุนรัฐจัดเรตติ้งให้ตรงกับเนื้อหา-เวลา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ครูหยุย" สนับสนุนรัฐต้านธุรกิจรายการทีวี จัดเรตติ้งให้ตรงกับเนื้อหาและ-ช่วงเวลา  ชี้หากผู้ประกอบการมีจิตสำนึกเพื่อสังคม เยาวชนกลับได้ประโยชน์  

วธ.8 พ.ค.-นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์  หรือครูหยุย เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก และอดีต สว. กรุงเทพฯ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) รวมถึงภาคประชาสังคม ออกมาขับเคลื่อนทบทวนการจัดเรตติ้งรายการโทรทัศน์ใหม่ โดยเฉพาะให้รายการโทรทัศน์ที่จัดอยู่ในเรต น 18+ ออกอากาศหลังเวลา 22.00 น. และ เรต ฉ 20 ออกอากาศหลังเวลาเที่ยงคืนว่า การกำหนดช่วงเวลาของเรตติ้งเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อให้หลีกเลี่ยงการชมรายการที่มีเนื้อหารุนแรง ไม่เหมาะสม รวมถึงรายการที่มีฉากที่เด็กยังไม่ควรรับชม ขณะเดียวกัน เด็กและเยาวชน กลับได้ประโยชน์ในการชมรายการที่มีเนื้อหาสาระสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ก่อน เวลา 22.00 น. อย่างไรก็ตามการดำเนินการเรื่องนี้ ถือว่าภาครัฐต้องเหนื่อยพอสมควร เพราะต้องแข่งขันกับเรื่องธุรกิจ และผลประโยชน์มหาศาล และเป็นเรื่องที่ทางสถานีโทรทัศน์ ไม่ค่อยยินยอม และก็จะทำให้หาข้อสรุปไม่ได้ 

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ถือว่าระบบการจัดเรตติ้งหยุดนิ่ง ในเรื่องการจำกัดช่วงเวลา และก็เกิดรายการโทรทัศน์ที่ไม่สร้างสรรค์มากขึ้น ส่วนหนึ่งก็ต้องโทษที่ตัวภาครัฐเอง ที่ไม่มีการดูแลและจัดสรร คณะกรรมการบริหารวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ (กบว.)ให้มีประสิทธิภาพ ในการตรวจสอบรายการโทรทัศน์ ขณะเดียวกัน กบว.ช่องก็มีสลับเปลี่ยนหน้ากันตลอด จึงเป็นเหตุผลทำให้ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐหยุดนิ่ง ขาดการเอาใจใส่ ส่งผลให้รายการโทรทัศน์บางช่องมีเนื้อหาไม่เหมาะสมยิ่งขึ้น  ดังนั้น การแก้ไขปัญหาในส่วนภาครัฐ คือจะต้องหาผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้ที่มีความรู้ความสามารถไปทำหน้าที่เป็น กบว.ที่สำคัญ ไม่ควรเปลี่ยนหน้าบ่อยเพราะจะส่งผลต่อการพิจารณาให้เป็นแนวทางที่กำหนดไว้  ขณะเดียวกัน ก็อยากเสนอให้ มีการจัดตั้งจุดรับเรื่องร้องเรียนถึงการแพร่ภาพออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาไม่สอดคล้องกับเรตติ้งที่กำหนดควบคู่ไปด้วย และมีการกำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน หากทำได้เช่นนี้แล้วปัญหาการควบคุมดูแล ก็จะกลายเป็นความร่วมมือกันเฝ้าระวังสื่อในสังคมไทย  

“หากมีการปรับเปลี่ยนเรตติ้งจริงคิดว่า การนำเสนอละคร คงไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก และละครยังสามารถฉายต่อไปได้ แต่ขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในกฎกติกาที่กำหนด อย่าคิดถึงแต่กำไรอย่างเดียว ยกตัวอย่าง ละครที่มีเนื้อหาโชว์เนื้อโชว์หนัง ก็ฉายหลัง 23.00 น. ขึ้นไป ก็ไม่มีใครมาว่าได้ ถ้าอยู่ในกฎกติกา ขณะเดียวกันคิดว่าทางสถานีโทรทัศน์เอง  ก็น่าจะมีสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่แล้ว หากมีตรงนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ที่จะปรับเปลี่ยนการจัดเรตติ้ง โดยมีเงื่อนไขเวลา และเนื้อหาการนำเสนอ” เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook