แม่เลี้ยงโหด แค้นพ่อทุบตีลูกขวบเศษสิ้นใจคามือ

จับแม่เลี้ยงใจโหด ทุบตีลูกเลี้ยงวัยขวบเศษ สารภาพแค้นสามีไม่ทำตามสัญญาพาไปซื้อของ อ้างไม่ได้เจตนาให้ตายแค่ตีให้หยุดร้อง 

สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งจาก รพ.ศูนย์นครปฐม มีสาววัยรุ่น อุ้มเด็กหญิง วัย 1 ขวบเศษ มาที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาโดยอ้างว่าเด็กท้องร่วงรุนแรง แต่เมื่อถึงมือแพทย์ตรวจสอบพบว่าเด็กหญิงเสียชีวิตมาแล้วกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งลำตัวมีรอยฟกช้ำคาดว่าถูกทำร้ายมา

หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบ ทราบชื่อเด็กหญิงที่เสียชีวิต คือ ด.ญ.สอง (นามสมมติ) อายุ 1 ขวบ 7 เดือน ตามลำตัวปรากฏบาดแผลเป็นจ้ำ ๆ ตั้งแต่ศีรษะที่หน้าผากและบริเวณใบหน้า ลำคอเป็นรอยช้ำ นอกจากนี้้ที่อวัยวะเพศยังบวมเป็นรอยเขียวช้ำ บริเวณทวารหนักเป็นรูกว้าง 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สอบถาม น.ส.นฤตยา ใจซื่อ อายุ 22 ปี หญิงสาวที่เป็นคนอุ้ม ด.ญ.สอง (นามสมมติ) มาที่โีรงพยาบาล โดยบอกว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นลูกเลี้ยงตนเอง ซึ่งตลอดเวลาที่เ้้จ้าหน้าที่ได้สอบถาม น.ส.นฤตยาได้ปฏิเสธตลอดเวลาว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า พร้อมกับบอกว่าที่พาไปโรงพยาบาลเพราะลูกเลี้ยงมีอาการปวดท้องนอนร้องตอนเวลา  กระทั่งเวลา 15.00 น. ตนไปปลุกเพื่อให้กินข้าวแต่ปรากฏว่าลูกเลี้ยงตนเองนิ่งไม่ได้สติจึงพามาหาหมอ 

แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จนถึงขั้นตอนส่งศพของเด็กหญิงคนดังกล่าวไปชันสูตร ปรากฏว่า น.ส.นฤตยา ได้มีอาการหวาดระแวง สุดท้ายทนไม่ไหวจึงสารภาพว่า เป็นคนลงมือทำร้ายลูกเลี้ยงเอง เนื่องจากโกรธเคืองสามีที่ทำตามสัญญาจะพาไปซื้อของ ประกอบกับช่วงเวลานั้นเด็กหญิงสองร้องไห้น่ารำคาญ ตนจึงใช้มือตบหน้าขู่ให้หยุดร้อง และใช้มือตบที่ท้องอย่างแรงจนล้ม จากนั้นใช้มือบีบที่ต้นคอแล้วยกขึ้นมาชูปรากฏว่า เกิดหลุดมือตกลงกระแทกพื้นอีกจนมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยทางปาก ตนจึงใช้ยาสีม่วงทาที่ปาก แต่เด็กยังร้องไม่หยุดตนจึงปล่อยให้ร้องจนเพลียหลับไป จนกระทั่งบ่าย 3 เห็นยังไม่ตื่นเมื่อไปปลุกพบว่าเด็กลักษณะไม่ค่อยดี จึงรีบพาไปหาหมอและทราบจากหมอว่าเสียชีวิตมาแล้วกว่า 1 ชั่วโมง ส่วนบาดแผลที่เป็นรอยเขียวช้ำนั้นเป็นคนหยิก และบิดเอง เพราะไม่ให้เด็กเกเรเท่านั้น ไม่ได้คิดฆ่าแต่อย่างใด 

เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว น.ส.นฤตยาไปดำเนินคดีตามกฏหมาย และแจ้งให้พ่อของเด็กทราบว่าลูกเสียชีวิตแล้ว พ่อของเด็กถึงกับปล่อยโฮและบอกว่าตนไม่มีเวลาดูแลลูกเพราะต้องทำงาน แต่จะให้น.ส.นฤตยา ดูแลทุกอย่างเพราะคิดว่าไว้ใจได้ โดยไม่คาดว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้