หลวงพ่อคูณอาการทรงตัว-ภาวะตับอักเสบ

หลวงพ่อคูณอาการทรงตัว-ภาวะตับอักเสบ

หลวงพ่อคูณอาการทรงตัว-ภาวะตับอักเสบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ความคืบหน้า อาการอาพาธ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกจิดัง แห่งวัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ที่พักรักษาอาการอาพาธ ด้วยวัณโรคปอด ณ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะแพทย์ ได้ร่วมประเมินผลการรักษาอาการอาพาธของหลวงพ่อ หลังจากได้ปรึกษากับคณะอาจารย์แพทย์ ทั้ง ศิริราชพยาบาล และโรงเรียนแพทย์อื่น ๆ ลงความเห็นว่า ยังไม่จำเป็นต้องย้ายหลวงพ่อไปรักษาต่อที่อื่น เพราะไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ซึ่งอาการโดยรวมยังต้องประเมินวันต่อวัน ส่วนอวัยวะอื่น ๆ เช่น หัวใจ และสมอง ยังปกติ หลวงพ่อรู้สึกตัวดี

นายแพทย์พินิจจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด บอกว่า ได้ทำการเจาะเลือดหลวงพ่อไปตรวจ ปรากฏว่า หลวงพ่อมีภาวะตับอักเสบ แต่ไม่รุนแรงมากนัก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงมากจากยาวัณโรคปอด และจากการประเมินอาการครั้งล่าสุด ประเมินได้ว่า หลวงพ่อ แย่ลงในช่วง 2 วันนี้ เนื่องจากฉันภัตตาหารไม่ได้ด้วย ทางคณะแพทย์ ต้องให้อาหารเข้าทางจมูก ผ่านลงไปในกระเพาะอาหาร

อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์ได้วางแผนการรักษาใหม่ โดยจะเปลี่ยนยารักษาวัณโรคที่เคยให้เป็นยาตัวใหม่ และต้องให้ยาอย่างระมัดระวัง เนื่องจาก หลวงพ่อ มีโรคประจำตัวหลายอย่าง ทั้งนี้ ยืนยันว่า ยังไม่พบการติดเชื้อในกระแสเลือดแต่อย่างใด


ทั้งนี้ น.พ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัว หลวงพ่อคูณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด ร.พ.มหาราช
นครราชสีมา เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงอาการล่าสุดของ หลวงพ่อคูณ ขณะนี้ว่า อาการโดยทั่วไปนั้นยังทรงตัว สามารถรับอาหารทางสายยางได้ดี ซึ่งทำให้สภาพร่างกาย หลวงพ่อคูณ โดยทั่วไปดีขึ้น มีการพูดจา ตอบโต้ และการรับรู้ยังเป็นไปได้ดี ส่วนอาการเบื่ออาหารนั้น น่าจะยังคงมีอยู่ เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยารักษาวัณโรค ที่มีผลข้างเคียงเรื่องการกดความอยากอาหารอยู่แล้ว ซึ่งทางคณะแพทย์ยังคงต้องประเมินอาการวันต่อวัน เนื่องจากวัณโรคนั้น ภายในเดือนแรกที่ทำการรักษา จะยังไม่สามารถระบุได้ว่า อาการดีขึ้น หรือ ทรุดลงได้ ส่วนโรคตับอักเสบที่ตรวจพบนั้น ไม่ได้มีผลทำให้ หลวงพ่อคูณ อาการแย่ลง ซึ่งจนถึงขณะนี้ แพทย์ให้อาหารทางสายยางแก่ หลวงพ่อคูณ เป็นวันที่ 2 แล้ว โดยยืนยันว่า ยังไม่พบการติดเชื้อในกระแสเลือดแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook