พบแล้ว! พระแพลงกิ้ง อยู่ในกุฏิวัดกรุงเทพฯ
พบเบาะแสพระแพลงกิ้งแล้ว มือกฎหมาย มมร.เผยเป็นพระจริง ทำแพลงกิ้งที่กุฏิวัดในกรุงเทพฯ ชี้โทษถึงอาบัติปาราชิก เตรียมร้องกองปราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดกระแสฮิตทำแพลงกิ้ง planking หรือท่าแกล้งตาย ในอินเตอร์เน็ต แม้แต่พระสงฆ์ก็ยังทำแพลงกิ้ง ท่าแกล้งตายบนราวบันได จนเป็นที่วิจารณ์กันกระหึ่มถึงความไม่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกฎหมาย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ประกาศให้รางวัล 5 พันบาทแก่ผู้แจ้งเบาะแสชายแต่งกายคล้ายสงฆ์ กำลังทำแพลงกิ้ง ท่าแกล้งตายบนราวบันได นายสงกานต์ กล่าวว่า ได้มีผู้ที่อ้างว่าเป็นพระสงฆ์ พร้อมทั้งให้ชื่อที่อยู่กับตนไว้ โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่ารู้จักกับคนในรูปดังกล่าวและยืนยันว่าคนในรูปเป็นพระสงฆ์จริง และสถานที่ที่ถ่ายรูปนี้ก็คือกุฏิภายในวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่ามีความน่าเชื่อถือได้ ดังนั้นในวันที่ 22 มิ.ย. ตนจะนำเบาะแสที่ได้รับแจ้งมาเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่กองปราบปราม เพื่อขออำนาจพนักงานสอบสวนเข้าไปดำเนินการตรวจสอบในวัดตามที่ได้รับแจ้งเบาะแสมา
"ผมจะนำข้อมูลทั้งหมดไปมอบให้นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ด้วย ส่วนจะมีการเข้าไปตรวจสอบวัดตามที่ได้รับแจ้งมาในวันใดนั้นขึ้นอยู่กับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ การที่ผมเข้ามาเป็นเจ้าภาพรับแจ้งเบาะแสในเรื่องนี้นั้น เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ทำลายพระพุทธศาสนา จึงอาสาเข้ามาทำหน้าที่ประสานงานให้" นายสงกานต์
นายสงกานต์ ยังกล่าวอีกว่า การที่ต้องเข้าร้องทุกข์ต่อกองปราบฯ นั้น เพราะการกระทำของพระรูปนี้ถือว่าเข้าข่ายอวดอุตริ อ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตัวตน เพราะจากรูปแสดงให้เห็นว่าตัวลอยได้โดยเอาตัวไว้บนราวบันได ซึ่งหากเป็นคนธรรมดาก็สามารถทำได้ แต่ในเมื่อเป็นพระสงฆ์ไปทำในลักษณะดังกล่าวจึงถือว่าเข้าข่ายอวดอุตริ และตามที่ระบุไว้ในหนังสือพระวินัยปิฎก ฉบับมหาวิภังค์ พบว่ามีโทษถึงอาบัติปาราชิก ดังนั้นพระรูปนี้จึงถือว่าขาดจากความเป็นสงฆ์นับตั้งแต่วันที่โพสต์รูปลงในอินเตอร์เน็ต ส่งผลให้มีความผิดฐานแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ซึ่งมีความผิดทางอาญา
"ผมจึงต้องนำเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 ที่ระบุว่า ผู้ใดแต่งกายที่แสดงว่าเป็นภิกษุไม่ว่าในศาสนาใดโดยมิชอบเพื่อให้เชื่อว่าตนเป็นบุคคลนั้น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเป็นการปรับข้อเท็จจริงเข้ากับข้อกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องปรามเพศบรรพชิตที่เจตนาละเมิดพระธรรมวินัย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป" นายสงกานต์ กล่าว