“กรณ์” แจงนโยบาย ศก.มุ่งสร้างครัวโลก-ดันแหลมฉบัง

“กรณ์” แจงนโยบาย ศก.มุ่งสร้างครัวโลก-ดันแหลมฉบัง

“กรณ์” แจงนโยบาย ศก.มุ่งสร้างครัวโลก-ดันแหลมฉบัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรุงเทพ ฯ 19 มิ.ย.  - นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ อันดับที่ 6 โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก โดยรายละเอียดเป็นการตอบคำถามประชาชนทั่วไป ที่สอบถามถึงนโยบายเศรษฐกิจ "10 ถาม 10 ตอบ จากเบอร์ 10"

นายกรณ์ ย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนให้กับประเทศ เชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าจะต้องเผชิญกับ 1) อาหารและพลังงานจะแพงขึ้นทั่วโลก 2) การพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของจีนและอินเดีย จะทำให้ประชากรของทั้งสองประเทศมีลักษณะเป็นชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้น โดยจะมีการโยกย้ายจากชนบทอย่างต่อเนื่อง และ 3) การเชื่อมโยง ASEAN จะเป็นตัวแปรสำคัญ ดังนั้นไทยจะต้องปรับตัว ใช้จุดแข็งคือ เกษตรกรรม การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมบางประเภท เช่น ยานยนตร์ และอีเล็กทรอนิกส์  เพราะเมื่อคนในภูมิภาคร่ำรวยขึ้น ก็จะบริโภคอาหารมากขึ้น และเริ่มที่จะท่องเที่ยวมากขึ้นด้วยเป็นธรรมดา การซื้อรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

ดังนั้น เป้าหมายคือการเป็น “ครัวของโลก” คือผู้นำทางด้านอาหาร เป็น “เสน่ห์แห่งเอเชีย” คือแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในภูมิภาค และการเป็น “ประตูอาเซียนสู่โลก” เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง ASEAN และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย

ส่วนการพัฒนาสู่การเป็น “ครัวของโลก” หมายถึง  การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรไทย ด้วยการลงทุนในระบบน้ำ ซึ่งประชาธิปัตย์จะลงทุนใน 23 โครงการ มูลค่ารวม 170,000 ล้านบาท  ส่งผลต่อการเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 4.2 ล้านไร่ ใน 4 ปีข้างหน้า

การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร ด้วยการให้สิทธิพิเศษการลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปในลักษณะเดียวกันกับที่นักลงทุนจากต่างประเทศได้ผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ การจัดสรรวงเงินสินเชื่อโดยธนาคารรัฐ 100,000 ล้านบาท ให้ผู้ลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร

ส่วนนโยบายสู่การเป็น “เสน่ห์แห่งเอเชีย” คือ การดำเนินการพัฒนาบูรณะซ่อมแซม และปกป้องแหล่งท่องเที่ยวไทยทั่วประเทศ จะมีการจัดงบ 10,000 ล้านบาทต่อปี และจะมีการจัดงบอีก 1,000 ล้านบาทต่อปี เพื่ออบรมผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีก 150,000 คน และลงทุนเพื่อช่วงชิงโอกาสสำคัญ อย่างเช่นการเป็นเจ้าภาพ World Expo 2020 โดยมีเป้าจะเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวเป็น 1 ล้านล้านบาท ใน 4 ปี โดยเพิ่มรายได้ต่อนักท่องเที่ยวจาก 35,000 บาท เป็น 50,000 บาท

สุดท้ายคือการเป็น “ASEAN GATEWAY” พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเป็น Habour City โดยจะมีระบบขนส่งเชื่อมโยงไปสู่ท่าเรือทวายที่พม่า เพื่อเป็นท่าเรือน้ำลึกทางตะวันตก นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์แตกต่างชัดเจนกับพรรคเพื่อไทยในเรื่องนี้ คือเขาจะสนับสนุนท่าเรือทางใต้ของไทย (Land Bridge) รวมถึงนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเราไม่สนับสนุน เพราะเราจะรักษาโซนใต้ของไทยไว้เพื่อการท่องเที่ยวอย่างถาวร

 ส่วนการเพิ่มคุณภาพชีวิตประชากร และเรื่องต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นนั้น ต้องมีการลงทุนในระบบขนส่งมวลชนทั้ง 12 สาย ที่ประชาธิปัตย์ได้กำหนดไว้ นอกจากเดินทางสะดวกขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างรถไฟฟ้าขยายโอกาสการเข้าถึงบ้านที่อยู่อาศัยในวงกว้าง เพราะพื้นที่ ๆ เหมาะกับการพัฒนาเพิ่มขึ้นด้วยการเดินทางทางรถไฟฟ้า ความแออัดจะลดลง และเศรษฐกิจดีขึ้นจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น และสำคัญที่สุดต้องทำตอนนี้ เพราะเสถียรภาพเศรษฐกิจเราดี เงินบาทแข็ง ทุนสำรองระหว่างประเทศสูง ต้องใช้เป็นประโยชน์ทันที

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook