ยูมิน ฉะ ฟิล์ม ไม่แมน เมินถูกมองเกาะดัง

นักแสดงสาวเซ็กซี่ ยูมิน ทวิกานต์ สุดทนหลังซุปตาร์หนุ่ม ฟิล์ม-รัฐภูมิ ไม่แมนให้ข่าวที่ไม่เป็นความจริงยันไม่เคยโทรหาตอนบวช เหน็บมีจรรยาบรรณพอที่จะไม่คุยกับพระ ลั่นผู้หญิงสมัยใหม่ไม่ได้โง่ ถึงไม่รู้ว่าใครเข้ามาทำความรู้จักมาลักษณะแบบไหน บอกขอบคุณทุกๆอย่างที่เคยทำอะไรอะไรๆดีๆให้ เมินถูกมองหวังเกาะดัง

ข่าวกับซุปตาร์ ฟิล์ม รัฐภูมิ ความจริงเป็นยังไง "ครั้งแรกที่ทุกคนเขียนว่าหนูออกมาแฉ แต่จริง ๆ ไม่ใช่มันเป็นการที่มีพี่คนหนึ่งมาถามหนูเพราะเขารู้ว่าหนูจะไปเกาหลีเพราะเขารู้หนูก็เรื่องชี้แจ้งให้พี่เขาฟังตามที่พี่ๆ อ่านนี้แหลค่ะ"

แต่ทางฟิล์มเขาออกมาปฏิเสธเรารู้สึกยังไงบ้าง ความรู้สึกคือวันนี้หนูไม่ได้ออกมาเพิ่มเติม แต่หนูจะออกมาแก้ทุกอย่างที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หนึ่งคือมาบอกว่าหนูคุยกับเขาตอนที่เขาบวชในหลักของศีลธรรมคุยไม่ได้อยู่ แล้วค่ะ แล้วหนูก็มีจรรยาบรรณพอที่จะไม่คุยกับพระค่ะ คุยครั้งล่าสุดก็ก่อนเขาบวชหนึ่งวันเขาโทรมาลาหนูแล้วหนูเองก็เขาบ้านทีนซุปเปอร์สตาร์ ซึ่งติดต่อใครไม่ได้อีกเลยสามเดือนค่ะ หลังจากนั้นเขาจะศึกเมื่อไรหนูแค่รู้ข่าว และเขาก็ติดต่อทางครอบครัวหนู หนูไม่ได้ติดต่อกับเขาเลยค่ะ"

เล่าถึงความสัมพันธ์  "ไม่ ย้ำชัดนะค่ะ แค่จะบอกคราวๆ ว่าหนูโตมา 21 ปี ไม่ใช่คนที่เรียนเก่งแต่พ่อแม่สอนอะไรหนูหลายอย่างหนูรู้อะไรมากมายแต่ เรื่องเดียวที่หนูไม่รู้คือ คน ๆ นึงที่เขามาเป็นพี่น้องกับเราโดยที่เราไม่รู้เลยหรือค่ะ 4ปีที่รู้จักกันหนึ่งปีที่เขาเข้ามาคนเราจะไม่ฉลาดพอที่จะไม่รู้เลยเหรอ ค่ะ ว่าเขาเข้ามาแบบพี่น้องหรือมาแบบต้องการอะไรหรือเปล่า หรือแบบคนที่หวังดี ไม่เหมือนกันนะค่ะสถานะความสัมพันธ์"

ตอนนั้นที่เขาเข้ามาในชีวิตทำให้เรารู้สึกดียังไงบ้าง  "ส่วนมากจะเป็นการคุยกันไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยค่ะ จะเจอกันก็ต่อเมื่อมีเวลาบ้างหรือว่าเขามาดูบ้าน เขาก็จะนึกถึงหนูว่า เขามาดูบ้านนะออกมาเจอกันสิ ประมาณนี้ค่ะ"

ซื้อบ้านอยู่ใกล้กันเหรอ "ตอนนี้เขามาซื้อยู่ใกล้ ๆ กันค่ะ ใกล้มาก" พอมาอยู่ใกล้กันแล้วได้เจอกันบ้างไหม? "ยังไม่ได้อยู่ค่ะ บ้านยังไม่เสร็จค่ะ

ณ วันนี้เสียใจไหม "เสียใจไหมเหรอค่ะ มันชาไปแล้วค่ะพี่"

มีข่าวว่ายูมินเกาะแสเขาดัง "คือวันนี้ที่หนูจะออกมาบอกคือว่าอยากจะให้ตัดประเด็นที่หนูจะเกาะกระแสเขาดังเลยค่ะ เพราะว่าหนูไม่ได้หวังว่าหลังจากวันนี้ไปหนูจะต้องมีงาน หรือว่าหลังจากที่หนูให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ไปทุกคนจะต้องมามองหนูในแง่ดีหรือมาเชื่อหนู เพราะว่าหนูวางแผนชีวิตของหนูไว้ไม่ใช่ในวงการบันเทิงไทยค่ะ อีกไม่นาน"

เขาบอกว่าเราเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น  "สำหรับตัวประกอบนะคะ เรื่องนั้นหนูมีบท มีตัวละครเล่นนะคะ ซึ่งการมีตัวละครเล่นสำหรับเขาเรียกวาตัวประกอบเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นตอนที่เขาเริ่มเขาวงการครั้งแรกมันเรียกว่าอะไร แล้วการที่จะผิดจะถูกคุณเป็นลูกผู้ชาย คุณไม่ควรที่จะออกมาพูดถึงผู้หญิงแบบนั้น"

หลังจากนี้จะเข้าหน้ากันติดไหม  "ทุก ๆ อย่างขอเก็บไว้อยู่ในความรู้สึกดีกว่าค่ะ สิ่งที่มันเป็นไปเราก็ต้องยอมรับความจริงว่าความจริงตรงนี้มันเป็นยังไง เขาพูดอะไรมาเราต้องฉลาด ต้องเป็นผู้หญิงที่ฉลาดแล้วสมัยนี้ จะยังมาเป็นผู้หญิงที่คิดว่าเธอจะเป็นยังไงฉันก็ยังรัก ทำไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ยุคนางทาสแล้วที่เขาพูดไม่ดี เขาโกหกเราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาทำ หนูออกมาพี่ ๆ ทุกคนจะรู้ว่าหนูให้ความจริงตลอด ไม่มีคำว่าโกหกออกมาจากปากหนูเลย"

ได้ติดต่อกันอยู่ไหม  "คิดอยากจะติดต่อนะคะ แต่ทุกครั้งที่คิดมันก็จะมีความคิดอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาว่าสิ่งที่เขาพูดมันอยู่ในหูหนูค่ะ ว่าหนูคิดไปเอง ว่าหนูอย่างนั้นอย่างนี้ออกมาแฉหนูหลายๆ อย่างมากมาย ซึ่งหนูมองว่าแล้วทำไมหนูจะต้องทำดีให้กับคนที่คิดแบบนี้กับหนูด้วย มันพอแล้วเต็มที่แล้วค่ะ"

ไม่มีพูดคุยกันเลยว่าทำไมถึงมาพูดแบบนี้  "ไม่ อยากคุยค่ะ หนูคิดว่าหนูเข้าใจเขาส่วนหนึ่ง แล้วหนูคิดว่าคนเราไม่มีใครปั้นน้ำเป็นตัวให้เราได้ทั้งหมดทุกอย่าง บางทีน้ำครึ่งจากตัวเราครึ่ง ซึ่งถ้าจิตสำนึกของเขาไม่ต้องการที่จะพูดอย่างนั้นหนูว่าเขาคงไม่พูดหรอกค่ะ เหมือนหนูค่ะ ไม่มีใครบังคับหนูได้ บังคับให้หนูโกหก หนูไม่อยากโกหก หนูรู้สึกว่ามันยาก"

ข่าวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบยังไงกับตัวเราบ้างไหม ถ้ากับหนู หนูเข้มแข็งพอคือเป็นผู้หญิงที่เหมือนผู้ชาย หนูไม่ค่อยแคร์ค่ะ ไม่แคร์ว่าใครจะต้องมามองหนูหรืออะไร มองได้โอเคมองหนูยิ้มให้ แต่คุณจะเข้าใจยังไงหนูยังมีความเชื่อลึกๆ ว่าตอนนี้ประเทศไทยพัฒนาแล้ว เทคโนโลยีมากมายทำให้คนฉลาดขึ้นเยอะมาก แล้วจากที่หนูติดตามกระแสข่าวหนูเชื่อว่าผู้บริโภคไม่โง่ค่ะ ทุกๆ คนไม่โง่ค่ะ แต่ว่าจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นเองค่ะ อยู่ในฐานะที่พูดได้หรือพูดไม่ได้เท่านั้นเองค่ะ"

แล้วทางครอบครัวว่ายังไงบ้าง  "หนูออกมาพูดครั้งนี้เพราะว่าหนูเห็นใจค่ะ และไม่อยากให้นามสกุลหนูเข้าไปแปดเปื้อนกับคำโกหก หรือว่าอะไรบ้างที่ทำเพื่อธุรกิจค่ะ หนูอยากจะให้แยกกันระหว่างตัวหนูกับวงศ์ตระกูลหนูไม่เกี่ยวกันค่ะ และก็เกรงใจพ่อแม่ตรงที่ว่าเราพาใครคนนึงมาทำให้เขารัก แล้ววันหนึ่งใครคนนึงต้องทำให้เขาเจ็บ เกรงใจมากแล้วก็ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมีส่วนกับเรื่องนี้ แล้วอยากจะแก้ที่บอกว่าแม่หนูโทรไปหาเขา มันไม่ใช่ค่ะ เขาโทรมาหาแม่หนู หลายๆ อย่างที่เขาพูดในข่าวไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ"

แสดงว่าเมื่อก่อนครอบครัวปลื้มเขามาก "ไม่เชิง ปลื้มค่ะ พ่อแม่หนูไม่ค่อยคลั่งดาราเท่าไร วันแรกและคำแรกที่หนูบอกเขาคือ คุณไม่ใช่ฟิล์ม รัฐภูมินะ สำหรับเราคุณ คือ ผู้ชายคนหนึ่งที่ธรรมดาไม่ได้สมบูรณ์พร้อมด้วย หนูยังคงอยากจะมีตัวเลือก อยากจะศึกษาคนอื่นต่อไม่ใช่เจอแล้วจะหยุดอยู่ที่เขา ไม่ใช่ค่ะ"

ได้ทราบข่าวเรื่องแอนนี่ บรู๊คไหม  "ทราบพร้อมทุกคนทางทีวีค่ะ แต่มีการโทรอธิบายว่าไม่ได้หลอกนะ อย่างนั้นอย่างนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปก่อนแล้วหนูไม่ได้มายด์อยู่แล้วค่ะ แต่ถามว่าแคร์ไหม แคร์ตรงที่ว่าการที่เรารู้จักกับใครสักคนนึงแล้วรู้สึกดี เรามองอนาคตไกลแล้วพอเรื่องมันเกิดขึ้นเราไม่รู้ว่าอะไรต่อไปเป็นยังไงถ้าผลออกมาเป็นลบ แล้วอนาคตหนูเป็นยังไงลบเหมือนกันเหรอ เพราะว่าหนูรู้ว่าเป้าหมายในชีวิตของหนูคือการไปเกาหลีแล้วทำให้หนูไม่ได้ โฟกัสเรื่องความรักในประเทศไทย ไม่ได้โฟกัสว่าชีวิตหนูจะรุ่ง จะร่วงหรือจะโรจน์ คือหนูมองแค่ว่าเขาน่าจะดูเป็นคนที่มีความคิดที่สุดจากทุกๆคนที่รู้จักมา แต่ตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่แล้ว มันก็ทำให้โอเคหนูก็ยืนด้วยตัวหนูเองได้ ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้วค่ะ"

เข็ดเรื่องความรักไหม "เข็ดไหมหนูไม่ค่อยคิดเรื่องความรักเท่าไหร่ เพราะชีวิตหนูโฟกัสกับการไปทำงานที่เกาหลี เลือกมากไหมถ้าหนูไม่เลือกมันก็คงมีเข้ามาบ้างทุกวันนี้หนูอยู่คนเดียว มีบีบีก็ไม่ได้ใช่ไม่ติดต่อใครเลย หนูก็อยู่ของหนูคนเดียวได้"

จากนี้จะไปเป็นคนเกาหลีแล้ว  "ยังค่ะ หนูเชื่อว่าจะไทยหรือเกาหลีมันต่างกันแค่สัญชาติ แต่ว่าปัญหาบางอย่างอาจจะเหมือนๆกันก็ได้ หนูก็ไม่รู้ และถ้าหากหนูยังไม่ประสบความสำเร็จหนูก็ไม่อยากมาพูดไม่อยากให้ปัญหาทุกอย่างเข้ามาเหมือนอย่างนี้ถ้าวันนึงหนูไม่ใช่ยูมินถ้าเป็นซุปเปอร์สตาร์คนนึงแล้วพอมีข่าวชีวิตอาจจะพลิกไปเลยก็ได้ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น หนูอยากให้ทุกคนเห็นความสามารถหนูแต่ถ้าไม่ใช่ก็ออกจากวงการแค่นั้นเองค่ะ"

มีอยากจะบอกอะไรถึงฟิล์มไหม "ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่เคยทำอะไรให้ เคยทำอะไร ๆ ดี ๆ และก็หนูยังรู้สึกดียังเป็นยูมินคนเดิมที่เขารู้จัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือทุกอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขาพูด หนูยังเชื่อว่าทุกคน ประชาชน พี่ๆ สื่อมวลชนให้เกียรติทุกคนเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ว่าทุกคนไม่โง่ นี้คือคำพูดจากปากยูมินว่าทุกคนไม่โง่ค่ะ หนูเชื่อตรงนั้นว่าเขารู้ว่าอะไรคือความจริงและไม่ใช่ความจริง แต่ว่ามีสิทธิพูดหรือไม่มีสิทธิพูดเท่านั้นเองค่ะ"