รวบพระครูเปิดคลินิกเถื่อนลวนลามสาว
คลินิกแพทย์แผนไทย วัดย่านเพชรเกษม เปิดกุฏิเป็นคลินิกเถื่อนสุดหื่น อ้างตรวจมะเร็งเพื่อจับนมและลูบคลำอวัยวะเพศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.สุทิน สวนดอกไม้ รองผกก.ดส. บช.น.พร้อมด้วยนายภัทร แจ้งศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในวัดกำแพงบางจาก ซ.เพชรเกษม 20 แขวงและเขตภาษีเจริญ กทม.หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่า มีพระประพฤติตัวไม่เหมาะสม ทำการลวนลามหญิงสาว หลังเข้าทำการตรวจสอบพบกุฏิ 2 ชั้นด้านหลังวัดดังกล่าว ด้านล่างเป็นห้องกระจกเปิดเป็นคลินิกแพทย์แผนไทย โดยไม่มีใบอนุญาตเปิดเป็นสถานพยาบาล จึงควบคุมตัวพระครูโสภณธรรมานุศาสก์ พระลูกวัดที่มาอาศัยวัดดังกล่าว และ น.ส.ประณิตา ศาลารักษ์ แพทย์แผนไทยประจำคลินิกมาสอบสวนยัง กก.ดส.
นายภัทร กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียน ว่า มีการเปิดคลินิกรักษาโรคโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเข้าตรวจสอบก็พบว่ามีการกระทำความผิดจริงโดยเปิดเป็นคลินิกรักษาโรคโดยไม่มีใบอนุญาต พระครูโสภณธรรมานุศาสก์ ยังเคยถูกจับเนื่องจากเปิดคลินิกเถื่อนลักษณะนี้ชื่อคลินิกตักศิลา ที่ จ.ปทุมธานี เมื่อ ปี 2547 แล้วจึงย้ายมาเปิดคลินิกที่วัดนี้ เมื่อปี 2552 จนถูกจับกุมอีกครั้ง โดยศาลได้ตัดสินให้ปรับ 5,000 บาท และจำคุก 2 ปี เมื่อพ้นโทษก็กลับมาเปิดอีกครั้งจนถูกจับอีก
นายภัทร ยังกล่าวอีกว่า หลังชาวบ้านได้ทำการร้องเรียนคลินิกแห่งนี้มี พระครูตรวจโสภณธรรมานุศาสก์ เป็นผู้ตรวจรักษาโรคต่างๆ หากเป็นผู้ชายก็มักตรวจตามปกติ แต่หากเป็นผู้หญิงมักอ้างว่าต้องมีการตรวจมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก โดยพระครูจะเป็นผู้ตรวจในห้องตรวจที่มีฉากกั้น ซึ่งจะมีการจับหน้าอกอวัยวะเพศด้วย จากนั้นก็จะให้ น.ส.ประณิตา เป็นคนออกใบสั่งยา เพื่อไปซื้อที่ร้านพรหมรังสีเภสัชที่ตั้งอยู่ตรงข้ามวัด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาประกอบโรคศิลปะโดยไม่รับอนุญาต กับพระครูโสภณธรรมานุศาสก์ ซึ่งมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะได้ทำการนิมนต์พระผู้ใหญ่มาทำการสึกก่อน ส่วน น.ส.ประณิตา ที่มีใบประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทย ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาปล่อยให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ผู้ประกอบโรคศิลปะมาดำเนินการแทน มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวิชาชีพแพทย์แผนไทยเพิกถอนใบอนุญาต และจากการตรวจสอบยังพบว่าคลินิกแห่งนี้ยังมีการโฆษณาในหลายช่องทางทั้งทางโปสเตอร์ เสียงตามสาย เคเบิลทีวี และเว็บไซต์ซึ่งจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป