สื่อ เผย ฮุนเซน-ทักษิณแบ่งรายได้ทับซ้อน
วิกิลีกส์ เผย พ.ต.ท.ทักษิณ - สมเด็จฮุน เซน ตกลงแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เกือบลงตัวแล้ว ก่อนถูกรัฐประหารปี 2549
วิกิลีกส์ เผยข้อมูลลับที่ได้มาจากสถานทูตสหรัฐฯ ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2007 จากการเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ของสภาธุรกิจสหรัฐ - อาเซียน และเป็นข้อมูลในระหว่างการรือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก บริษัท ConocoPhillips บริษัทข้ามชาติ ที่ทำธุรกิจด้านพลังงานเชื้อเพลิงที่ใหญ่อันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา "เพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาทกับประเทศไทย เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย" ซึ่งทาง ConocoPhillips ได้รับสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าว เป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี
โดย นายกาว กิม ฮูร์น (Kao Kim Hourn) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวกับ เจ้าหน้าที่ของ ConocoPhillips ว่า รัฐบาลไทยและกัมพูชา เข้าใกล้ข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย วางระบบข้อตกลงร่วมกันสำหรับการแบ่งสรรรายได้ ดังนี้ แบ่งรายได้ร้อยละ 80 ให้กับประเทศไทย และร้อยละ 20 ให้ประเทศกัมพูชา ในแนวระดับที่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด, ร้อยละ 50 - 50 ในระดับกลาง และร้อยละ 20 ให้กับประเทศไทย และส่วนที่เหลือเป็นของประเทศกัมพูชา ในแนวระดับใกล้กับประเทศกัมพูชามากที่สุด โดยตนคิดไม่น่าจะเกิน 6 เดือน น่าจะมีการตัดสินใจเกี่ยวกกับเรื่องนี้
และเมื่อปี 2009 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับประเทศกัมพูชา หลังคณะรัฐมนตรีของไทย พยามเคลื่อนไหว เพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจที่ทำไว้กับกัมพูชา เมื่อปี 2001 ส่วนข้อมูลเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2009 ครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ซึ่งนักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่นั้น เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฮุน เซน อาจมีการทำข้อตกลงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวบางอย่างร่วมกัน
ขณะที่การสอบถามไปยัง เมน เดน (Men Den) รองผู้อำนวยการการปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเกี่ยวกับข้อตกลงในการแบ่งรายได้จากการปิโตเลียมระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมทั้งให้เหตุผลว่า เรื่องดังกล่าวอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของตน ด้าน นายกาว กิม ฮูร์น ก็ได้กล่าวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าตนจำเรื่องดังกล่าวไม่ได้