องค์กรกลาง เหน็บ กกต.ขอเปลี่ยนคำขวัญ
นายสกุล สื่อทรงธรรม กรรมการและเลขานุการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีการประเมินผลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ มีการใช้งบ
ประมาณสูง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ถึง 1,375 ล้านบาท โดย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่าจากการเฝ้าสังเกตการณ์ กกต.ขาดความชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งความบกพร่องในการตรวจสอบคุณสมบัติ กรณีแกนนำ นปช.ต้องโทษจำคุก แต่ให้ลงสมัครการเป็น ส.ส.ได้ การลดเวลาการเลือกตั้งล่วงหน้าลง ทำให้มีผู้เสียสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 2 ล้านคน การพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนที่น่าจะเป็น ความสับสนในตัวเลขของจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิ์ไม่ตรงกัน ระหว่างเขต และบัญชีรายชื่อ หรือ การพิจารณาเรื่องร้องเรียนกว่า 600 เรื่อง ในการประชุมเพียง 4-5 ครั้ง ทั้งนี้ นายสมชัย ยืนยันว่า การปล่อยผ่าน ส.ส. ให้ครบจำนวน โดยอ้างว่า เพื่อให้ทันการเปิดประชุมสภานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.แต่เป็นหน้าที่ของสภา และตัว ส.ส.เอง
อย่างไรก็ตาม นายสมชัย กล่าวว่า ทางมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ขอเปลี่ยนคำขวัญของ กกต. จากสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม เป็น ทุจริต ทำงานขาดความโปร่งใส ปล่อยคนอะไรเข้าสภา
ประมาณสูง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ถึง 1,375 ล้านบาท โดย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่าจากการเฝ้าสังเกตการณ์ กกต.ขาดความชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งความบกพร่องในการตรวจสอบคุณสมบัติ กรณีแกนนำ นปช.ต้องโทษจำคุก แต่ให้ลงสมัครการเป็น ส.ส.ได้ การลดเวลาการเลือกตั้งล่วงหน้าลง ทำให้มีผู้เสียสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 2 ล้านคน การพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนที่น่าจะเป็น ความสับสนในตัวเลขของจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิ์ไม่ตรงกัน ระหว่างเขต และบัญชีรายชื่อ หรือ การพิจารณาเรื่องร้องเรียนกว่า 600 เรื่อง ในการประชุมเพียง 4-5 ครั้ง ทั้งนี้ นายสมชัย ยืนยันว่า การปล่อยผ่าน ส.ส. ให้ครบจำนวน โดยอ้างว่า เพื่อให้ทันการเปิดประชุมสภานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของ กกต.แต่เป็นหน้าที่ของสภา และตัว ส.ส.เอง
อย่างไรก็ตาม นายสมชัย กล่าวว่า ทางมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ขอเปลี่ยนคำขวัญของ กกต. จากสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม เป็น ทุจริต ทำงานขาดความโปร่งใส ปล่อยคนอะไรเข้าสภา