“บุ๋ม”ถอดใจ!ขอจบกรณี “ติ๊งโน้ต” ถูกถีบ

“บุ๋ม ปนัดดา” ขอจบกรณีแฟนหนุ่ม “ติ๊งโน้ต ฐิติพงษ์” ถูกถีบในสนามแข่งรถ บอกอยากให้ฝ่ายชายมีสมาธิในการแข่งขันในสนามต่อไปมากกว่า ทำใจยื่นอุทธรณ์แต่ไร้ผล ชี้จะจำไว้เป็นบทเรียนการเรียนรู้คนแต่ละคนสังคม

     หม้ายสาวสุดมั่น! “บุ๋ม ปนัดดา วงษ์ผู้ดี” ควงแขนแฟนหนุ่มนักบิด “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” เปิดใจกรณีถูกคู่แข่ง “สแตมป์” ถีบในสนามแข่งรถ ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้น ณ สนามแข่งรถไทยแลนด์เซอร์กิต รุ่นซุปเปอร์ไบค์1000 โปร เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา แต่ยื่นอุทธรณ์ไปยังสมาคมกีฬาแข่งจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย แต่ผลการตัดสินที่ออกมาก็สุดจะค้านสายตา โดยลงโทษปรับเงินทีมละ 1 หมื่นบาท ทางด้านสาวบุ๋มเผยว่าตนสู้มาถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้ตนก็ต้องยอมรับและพยายามเข้าใจกับสังคมการแข่งขันแบบนี้ ดีกว่าตนอยู่เฉยๆและไม่ได้ต่อสู้อะไรเลย เผยขอจบเรื่องทุกอย่างเพื่อให้ติ๊งโน้ตมีสมาธิในการแข่งขันในทุกสนามต่อจากนี้

บุ๋ม : “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องมันยาวไปถึงไหนเพราะเจตนารมณ์แรกที่อุทธรณ์ไปเพื่อยืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมอย่างนี้ ถ้าเกิดเราเงียบไปก็เหมือนกับเรายอมรับ อย่างน้อยเราก็ต้องสู้ตามกฎกติกาที่เขาเขียนไว้เอาว่าเราสามารถอุทธรณ์ภายใน 30 วัน อย่างน้อยคุณปรับทีมนั้นสักหมื่นสอง ปรับทีมเราหมื่นนึงก็ไม่ว่าอะไร”

เกิดจากสาเหตุอะไร 

ติ๊งโน้ต : “ก็โดนถีบในสนามแข่งรถ ถ้าเป็นตามหลักก็ต้องโดนตัดสิทธิ์สนามนั้น แต่เขาออกมาแค่ว่าปรับเงินทีมละ 1 หมื่นบาท ก็เลยเป็นเรื่องขึ้นมา”

บุ๋ม : “เขาบอกว่าเรามีประแจ เหน็บไปด้วยตอนที่ไปโวยวายหน้าทีมเขา ซึ่งช่างก็ต้องมีประแจอยู่แล้ว แต่คุณก็ควรดูเจตนารมณ์ เพราะช่างของทางเราก็ไม่ได้เฉียดตัวน้องคนนั้นเลย แล้วคนที่ห้ามก็คุณพ่อของติ๊งโน้ตเองด้วย ดีที่สมัยนี้มีวิดีโอและกล้องถ่ายรูป มันก็เลยทำให้เรามีหลักฐาน แต่ที่เราสู้เพราะคิดว่าน่าจะมีมาตรฐานในวงการแข่งขันกีฬา ไม่ว่าจะประเภทอะไรก็ตาม ถ้าในอนาคตลูกตาสีตาสามาแข่งแล้วเขาจะอยู่กันยังไง ในเมื่อบุ๋มมีปากมีเสียงมากกว่าคนอื่นเขา ทำไมเราไม่ลองสู้ ก็เท่านั้นเอง”

     “ในเมื่อผลออกมาแบบนี้ จดหมายยืนยันประมาณว่าเหมือนติ๊งโน้ตจะผิดด้วยซ้ำ เพราะไปตัดไลน์เขา ถ้าเกิดตคุณจะแซงแล้วติ๊งโน้ตไปตัดไลน์ คุณก็ควรจะชะลอรถเพื่อที่จะไม่ให้เบียดกัน แต่ไม่ใช่การมาถีบกันอย่างนี้”

ติ๊งโน้ต : “ทุกคนเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาก็ออกจดหมายมาฉบับนึง เอาดอกไม้มาขอโทษแล้ว แต่เขามาเปลี่ยนประเด็นว่าถีบเพราะป้องกันตัว มันก็ไม่ใช่”

บุ๋ม : “ถ้าคิดว่าทางนั้นเขาทำถูกต้องตั้งแต่แรก ด้วยความเป็นมืออาชีพในการดูไลน์ของคุณ ทำไมคุณจัดฉากให้น้องเขามาขอโทษเราตั้งแต่แรกล่ะ คุณเป็นคนเอาลงยูทูปเองซะด้วยซ้ำในวันที่น้องเขาขอโทษ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นแล้วน้องเขาจะมาขอโทษทำไม ถ้าเราผิดทำไมไม่ตัดสิทธิ์ตั้งแต่วันแรกล่ะ แต่ถ้ามาอย่างนี้เราก็เรียนรู้กันไปว่าสังคมนี้เป็นยังไง เราก็เพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น ก็อยากให้มันจบเพราะอยากให้ติ๊งโน้ตมีสมาธิกับการแข่งขันมาที่สุดก็เลยพยายามตัดเรื่องวุ่นวายออกให้หมดเลยดีกว่า เราเองก็สู้มาถึงจุดนี้แล้ว ได้แค่ไหนก็แค่นั้นดีกว่าไม่ได้สู้”

อีกฝ่ายก็เฟคมา เราจะทำยังไงต่อ 

บุ๋ม : “บุ๋มว่าสังคมเห็นแล้วล่ะ”

ติ๊งโน้ต : “เรื่องเยอะเกิน แล้วเขาออกมาพูดค่อนข้างแรง และเปลี่ยนประเด็นจากผมเป็นคนถูกให้กลายเป็นคนผิด ไหนจะเรื่องประแจอีกที่เขาบอกว่าอันใหญ่แล้วจะเอามาตีเขา ที่จริงมันอันเล็กและน้องผมก็ไม่ได้หยิบออกมาเลย”

แต่คลิปนี้คนก็ได้เห็นแล้ว 

บุ๋ม : “ใช่ ก็ยังงงว่าเขาเอาที่ไหนมาพูด แล้วคนที่ดึงคอเราสามารถเอาลูกศรชี้ตัวได้เลยว่ามีใครอยู่รอบตัวน้องแป๊ะบ้าง ทางเราก็ยืนยันว่ายินดีจ่ายตังค์ ไม่ใช่มาพูดว่าทีมนั้นจ่ายไปแล้วทีมเราไม่จ่าย ในวันที่คุณแถลงข่าว ดิฉันโทรหาคุณด้วยซ้ำ แต่คุณกลับไม่รับโทรศัพท์ พอแถลงข่าวเขาไม่เรียกเราไปด้วย เวลาเปิดโต๊ะคุยกันอยากเจอจะตาย”

ถ้ามีการนัดแถลงข่าวอีกครั้ง เรายินดีไปไหม 

บุ๋ม : “โอ้ย สาธุค่ะ ขนาดวันนั้นออกรายการของพี่สรยุทธ ยังถามเลยว่าจะมานั่งคุยด้วยไหม ทางนั้นก็ตอบปฏิเสธ”

ติ๊งโน้ต : “ยินดีครับ”