เฮอริเคนไอรีนพัดถล่มสหรัฐ สังเวย 14 ศพ
(29 ส.ค.) พายุเฮอริเคนไอรีนที่เข้าพัดถล่มชายฝั่งทางภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา สร้างความเสียหายอย่างหนัก ล่าสุดมีรายงานแจ้งยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 18 ราย ในขณะที่ล่าสุด พายุได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน พัดขึ้นเหนือเข้าสู่ประเทศแคนาดา
เฮอริเคนไอรีน อ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อน ความเร็วลมลดลงมาเหลือ 104 กม./ชม. ขณะเข้าพัดถล่มนครนิวยอร์ก เมื่อวานนี้ (28 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของนครนิวยอร์ก ประชาชนกว่า 2 ล้านคน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และทำให้นครที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกลายเป็นเมืองร้าง หลังจากผู้คนกว่า 370,000 คน ถูกร้องขอให้อพยพจากพื้นที่
ขณะที่ กรุงวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวงของสหรัฐฯ เป็นอีกพื้นที่ที่รอดพ้นภัยพิบัติจากพายุเฮอริเคนไอรีน โดยอิทธิพลของพายุทำให้เกิดพายุลมแรงและฝนตก มีต้นไม้หักโคนในบางจุด แต่ไม่มีความเสียหายร้ายแรง ขณะที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกกับพายุ
ส่วนระบบขนส่งมวลชนยังไม่สามารถเปิดให้ใช้บริการได้ โดยเฉพาะในนครนิวยอร์กที่ยังคงปิดให้บริการรถไฟใต้ดินและท่าอากาศยาน ส่วนกรุงวอชิงตันและเมืองฟิลาเดลเฟีย เริ่มให้บริการเที่ยวบินบางเที่ยวเนื่องจากท้องฟ้าเปิด หลังจากเที่ยวบินฝั่งตะวันออกถูกงดไปมากถึง 11,000 เที่ยว ตั้งแต่วันศุกร์ เกือบทั้งหมดของตารางบินในพื้นที่นี้ สำนักงานบริหารการบินกลางเผยว่า ท่าอากาศยาน 3 แห่งในนิวยอร์กจะเปิดได้ในเช้าวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ ด้านเจ้าหน้าที่นครนิวยอร์กยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเปิดเดินรถไฟใต้ดินได้ตามปกติเมื่อใด
ส่วนพื้นที่อื่น ๆ อุโมงค์และสะพานตลอดชายฝั่งแอตแลนติกตอนกลาง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของรถบรรทุกเปิดใช้แล้ว แต่รถไฟแอมแทรคทางตะวันออกเฉียงเหนือยังงดให้บริการ เพราะมีรายงานน้ำท่วม ทางรถไฟเสียหายและไฟฟ้าดับ ขณะที่ท่าอากาศยานในบอสตัน แมนเชสเตอร์ นิวแฮมป์เชอร์ และโรดไอแลนด์ คาดว่าจะเปิดได้ในบ่ายวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น
สำหรับ พายุเฮอริเคนไอรีนขึ้นฝั่งพัดถล่มรัฐนอร์ทแคโรไลนาเมื่อวันเสาร์ ด้วยความเร็วลม 140 กม./ชม. และเคลื่อนตัวผ่านหลายรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คน เจ้าหน้าที่หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะยังคงเกิดฝนตกหนักในนครนิวยอร์กต่อไปอีก 1 วัน ขณะที่พายุจะอ่อนกำลังลงอีกขณะมุ่งหน้าขึ้นไปยังเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และเข้าสู่ประเทศแคนาดาต่อไป
นอกจากนี้ยังมีรายงานล่าสุดจากศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ ว่า มีพายุโซนร้อนลูกใหม่ชื่อ โจเซ่ (Jose) กำลังก่อตัวและกำลังเคลื่อนเข้าใกล้หมู่เกาะเบอร์มิวด้า ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้เฝ้าจับตาการเคลื่อนตัวของพายุลูกนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป