ศาลพิพากษาจำคุกสายลับเขมร 2 ปี 4 เดือน

ศาลพิพากษาจำคุกสายลับเขมร 2 ปี 4 เดือน

ศาลพิพากษาจำคุกสายลับเขมร 2 ปี 4 เดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลตัดสินแล้วคดี 3 สายลับเขมรลอบจารกรรมข้อมูลพิกัดที่ตั้งทหารไทยบริเวณชายแดนบ้านภูมิซรอล จำเลยคนไทยโดนหนักสุด จำคุก 2 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยชาวเขมรถูกลงโทษจำคุก 2 ปี 3 เดือน และจำเลยชาวเวียดนามถูกจำคุก 2 ปี ด้านทนายจำเลยทั้งสามเตรียมยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อไป 

ศรีสะเกษ 6 ก.ย.-เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (6 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 5 ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ องค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีจารกรรมข้อมูลที่ตั้งฐานทหารของไทย ที่มีนายสุชาติ มูฮำหมัด ชาวไทยมุสลิม นายอึ้ง กิมไทย ชาวกัมพูชา และนายเหวียง เติ้งยัง ชาวเวียดนาม เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ หลังจากที่จำเลยทั้ง 3 ใช้รถยนต์เป็นพาหนะลักลอบเข้ามาหาพิกัดที่ตั้งของทหารไทยและสำรวจหลุมหลบภัยของชาวบ้าน ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นคนขับ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.54

ทั้งนี้ ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 มีความผิดฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ลงโทษจำคุก 2 ปี ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 1 ซึ่งรับสารภาพว่าเสพยาบ้าก่อนมาขับรถด้วย มีความผิดอีกกระทงฐานเสพสารเสพติดให้โทษขณะขับขี่รถยนต์ ลงโทษจำคุก 8 เดือน แต่จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือ 4 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน และให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์นาน 6 เดือนด้วย

ขณะที่นายอึ้ง จำเลยที่ 2 ซึ่งตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะเช่นกัน มีความผิดอีกกระทงฐานเสพสารเสพติดให้โทษ ลงโทษจำคุก 6 เดือน แต่จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือ 3 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 3 เดือน ส่วนนายเหวียง จำเลยที่ 3 ศาลลงโทษความผิดเดียวฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ พิพากษาจำคุก 2 ปี

หลังทราบคำตัดสินของศาล ปรากฏว่านายเหวียงถึงกับปล่อยโฮร่ำไห้ออกมาเสียงดัง และบอกกับผู้สื่อข่าวผ่านล่ามว่า “ผมไม่เกี่ยว ผมไม่รู้เรื่อง ทำไมประเทศไทยทำกับผมอย่างนี้” ส่วนนายอึ้งถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ขณะที่นายสุชาติมีท่าทีสงบนิ่ง โดยมีภรรยาและญาติพี่น้องคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวจำเลยทั้งสามส่งไปควบคุมที่เรือนจำกันทรลักษ์ต่อไป

ด้านนายพัม มิน ตวน เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย ซึ่งเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย กล่าวว่า จะรายงานผลคำตัดสินคดีให้หน่วยเหนือได้รับทราบ และจะพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือนายเหวียง จำเลยชาวเวียดนาม อย่างเต็มที่ต่อไป 

ส่วนนายวีระวัฒน์ ทองสุทธิ์ ทนายความที่รับว่าความให้จำเลยทั้ง 3 กล่าวว่า การพิจารณาคดีเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่กงสุลกัมพูชาและเจ้าหน้าที่สถานทูตเวียดนาม ที่มาฟังคำพิพากษาบอกว่าพอใจกับคำพิพากษาในระดับหนึ่ง และจะดำเนินการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป.-สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook