จำคุกเสี่ยขาว3ปีเซ่นคดีไหม้ซานติก้าผับ
ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิสุทธิ์ เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว ผู้บริหารซานติก้า ผับ พร้อมกับพวก รวม 7 คน จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ สถานบันเทิงซานติก้า ผับ ย่านเอกมัย เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิต รวม 67 คน บาดเจ็บ 72 คน และบาดเจ็บสาหัส 45 คน โดยจำเลยทั้งหมดนั้นยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 และ 7 มีความผิดตามฟ้อง ฐานกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกาย บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และ 7 คือ นายวิสุทธิ์ เสร็จสวัสดิ์ และ นายบุญชู เหล่าสิงหนาถ จำคุก คนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 6 คือ บริษัท โฟกัสไลท์ ซาวด์ ซิสเต็ม จำกัด ปรับ 20,000 บาท รวมทั้ง ให้จำเลยที่ 6 และ 7 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับโจทก์ร่วม 5 คน รวมเป็นเงิน 8,700,000 บาท และยกฟ้องจำเลยที่ 2 - 5 โดยศาลอนุญาตให้อุทธรณ์ได้ ภายใน 1 เดือน ทางด้าน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนนั้นพร้อมจะยื่นอุทธรณ์ และต่อสู้คดีตามความเป็นจริง จนถึงที่สุด
ขณะที่ล่าสุด นายวิสุข และนายบุญชู ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอประกันตัวออกมาต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ โดยศาลได้พิจารณาคำร้องแล้ว ได้อนุญาตให้ปล่อยตัวทั้งสอง โดยตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท ทั้งนี้ นายวิสุข หรือ เสี่ยขาว ยังยืนยันว่า จะต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์อย่างเต็มที่ และตรงตามความเป็นจริง
ด้าน นางสาวรัตนา แซ่ลิ้ม อายุ 29 ปี ผู้รอดชีวิตจากกรณี เกิดเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ เมื่อคืนวันที่ 31ธันวาคม 2551 เปิดเผยภายหลัง ฟังคำพิพากษาของศาลอาญากรุงเทพใต้ ว่าพอใจผลคำพิพากษาครึ่งเดียวเท่านั้น ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ซึ่งที่ผ่านตนไม่ทราบว่ามีการฟ้องแพ่งและอยากให้จำเลยแสดงความรับผิดชอบให้ มากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมา จำเลยได้มีการยื่นข้อเสนอเป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท บาท ให้ตนยุติการฟ้องร้อง โดยหลังเกิดเหตุก็ให้เงินเยียวยาเพียง 1 หมื่นบาท และดูแลในช่วงแรกเท่านั้น ซึ่งตนเองก็ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ตามร่างกาย ระยะที่ 3 มีแผลเป็นตามร่างกายจนอัปลักษณ์ และมือขวาต้องถูกตัดทิ้ง และยังต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
อย่าง ไรก็ตาม ทางด้านนายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานอัยการกรุงเทพใต้ กล่าวภายหลังการอ่านคำพิพากษาว่า อัยการพิจารณาคดี และยื่นฟ้องตามพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ ส่วนศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไรนั้น ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ทั้งนี้ หากโจทย์ร่วมบางส่วนได้ขอถอนตัวก็จะไม่มีผลต่อคดีอาญา เนื่องจากการพิจารณาและยื่นฟ้องจะอยู่ที่อัยการเป็นหลัก ขณะเดียวกัน มีโจทก์ อีก 90% จะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนศาลแพ่งเพิ่มเติมอีกด้วย
ขณะนายเกรียงศักดิ์ วรมงคลชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการและรองโฆษกสภาทนายความ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือทางคดี กับเหยื่อซานติก้า ว่า หลังเกิดเหตุการณ์ผู้ที่ได้รับความเสียหาย ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความจำนวนหลายราย โดยสภาทนายความ ก็ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งในทางแพ่ง เรียกค่าเสียหาย และในทางคดีอาญา สำหรับการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในคดีอาญานั้น สภาทนายความได้ดำเนินการเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาในวันนี้ ลงโทษ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว จำเลยที่ 1 นายบุญชู เหล่าสีนาท จำเลยที่ 7 ในความผิดฐานประมาท โดยให้จำคุกคนละ 3 ปี และไม่รอลงอาญา พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหายประมาณ 8.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ สภาทนายความจะได้ดำเนินการศึกษาในรายละเอียดของคำพิพากษาในคดี ซึ่งศาลได้มีการวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยแต่ละคน เพื่อประกอบในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในชั้นอุทธรณ์คดีต่อไป
นอกจากนี้ ในคดีแพ่ง ได้มีการยื่นฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายจาก บริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส (2003) จำกัด ต่อศาลจังหวัดพระโขนง จำนวน 48 คดี ทุนทรัพย์ค่าเสียหายกว่า 571 ล้านบาท และยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ จำนวน 8 คดี ทุนทรัพย์ค่าเสียหายกว่า 151 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล
ขณะที่ล่าสุด นายวิสุข และนายบุญชู ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอประกันตัวออกมาต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ โดยศาลได้พิจารณาคำร้องแล้ว ได้อนุญาตให้ปล่อยตัวทั้งสอง โดยตีราคาประกันคนละ 500,000 บาท ทั้งนี้ นายวิสุข หรือ เสี่ยขาว ยังยืนยันว่า จะต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์อย่างเต็มที่ และตรงตามความเป็นจริง
ด้าน นางสาวรัตนา แซ่ลิ้ม อายุ 29 ปี ผู้รอดชีวิตจากกรณี เกิดเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ เมื่อคืนวันที่ 31ธันวาคม 2551 เปิดเผยภายหลัง ฟังคำพิพากษาของศาลอาญากรุงเทพใต้ ว่าพอใจผลคำพิพากษาครึ่งเดียวเท่านั้น ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ซึ่งที่ผ่านตนไม่ทราบว่ามีการฟ้องแพ่งและอยากให้จำเลยแสดงความรับผิดชอบให้ มากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมา จำเลยได้มีการยื่นข้อเสนอเป็นเงินสดจำนวน 100,000 บาท บาท ให้ตนยุติการฟ้องร้อง โดยหลังเกิดเหตุก็ให้เงินเยียวยาเพียง 1 หมื่นบาท และดูแลในช่วงแรกเท่านั้น ซึ่งตนเองก็ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ตามร่างกาย ระยะที่ 3 มีแผลเป็นตามร่างกายจนอัปลักษณ์ และมือขวาต้องถูกตัดทิ้ง และยังต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
อย่าง ไรก็ตาม ทางด้านนายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษสำนักงานอัยการกรุงเทพใต้ กล่าวภายหลังการอ่านคำพิพากษาว่า อัยการพิจารณาคดี และยื่นฟ้องตามพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ ส่วนศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไรนั้น ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ทั้งนี้ หากโจทย์ร่วมบางส่วนได้ขอถอนตัวก็จะไม่มีผลต่อคดีอาญา เนื่องจากการพิจารณาและยื่นฟ้องจะอยู่ที่อัยการเป็นหลัก ขณะเดียวกัน มีโจทก์ อีก 90% จะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนศาลแพ่งเพิ่มเติมอีกด้วย
ขณะนายเกรียงศักดิ์ วรมงคลชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการและรองโฆษกสภาทนายความ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือทางคดี กับเหยื่อซานติก้า ว่า หลังเกิดเหตุการณ์ผู้ที่ได้รับความเสียหาย ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความจำนวนหลายราย โดยสภาทนายความ ก็ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งในทางแพ่ง เรียกค่าเสียหาย และในทางคดีอาญา สำหรับการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในคดีอาญานั้น สภาทนายความได้ดำเนินการเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาในวันนี้ ลงโทษ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว จำเลยที่ 1 นายบุญชู เหล่าสีนาท จำเลยที่ 7 ในความผิดฐานประมาท โดยให้จำคุกคนละ 3 ปี และไม่รอลงอาญา พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหายประมาณ 8.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ สภาทนายความจะได้ดำเนินการศึกษาในรายละเอียดของคำพิพากษาในคดี ซึ่งศาลได้มีการวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยแต่ละคน เพื่อประกอบในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในชั้นอุทธรณ์คดีต่อไป
นอกจากนี้ ในคดีแพ่ง ได้มีการยื่นฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายจาก บริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส (2003) จำกัด ต่อศาลจังหวัดพระโขนง จำนวน 48 คดี ทุนทรัพย์ค่าเสียหายกว่า 571 ล้านบาท และยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ จำนวน 8 คดี ทุนทรัพย์ค่าเสียหายกว่า 151 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล