อสส.แถลงไม่ฎีกาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินพจมาน
อัยการสูงสุด แถลง ลงมติไม่ยื่นขอฎีกา คดีเลี่ยงหุ้นชินคอร์ปฯ ตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ หลังพิเคราะห์แล้ว ไม่มีเหตุอันควรในการฎีกา
นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงเรื่องคดีเลี่ยงภาษีหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า คดีนี้ อัยการสูงสุดพิจารณาสำนวนแล้ว มีความเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ จึงไม่ยื่นฎีกาในคดีดังกล่าว โดยอัยการสูงสุดได้มีการพิจารณาใน 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกเห็นว่าความผิดของ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว เพราะความผิดในทางอาญาตามที่บัญญัติไว้ ตามประมวลรัษฎากร เป็นเพียงมาตรการเสริมใช้ในการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ได้มีเจตนาลงโทษจำคุกผู้ที่ไม่ยอมชำระภาษี หรือชำระไม่ถูกต้อง
ส่วนกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง คุณหญิงพจมาน และ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัว โดยข้อเท็จจริงฟังเป็นที่ยุติว่า การซื้อขายหุ้นมีตัวแทนซื้อขายหุ้นแทนเจ้าของที่แท้จริงจำนวนมาก การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยกประโยชน์ให้จำเลยนั้น ชอบด้วยเหตุผลแล้ว ส่วนประเด็นเรื่องจำเลยทั้ง 3 ให้การเท็จนั้น เห็นว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานมายืนยันได้ว่าจำเลยให้การเท็จ ดังนั้นอัยการสูงสุดจึงไม่มีเหตุฎีกาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
นายธนพิชญ์ กล่าวปฏิเสธเรื่องการวิ่งเต้นไม่ให้มีการยื่นฎีกาคดีเด้งภาษีหุ้นชิน คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า เรื่องวิ่งเต้นนั้น ถ้าเป็นเรื่องใหญ่อย่างนี้ คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ซึ่งตนยืนยันเลยว่าไม่มีการวิ่งเต้นอย่างแน่นอน โดยตลอดเวลาการทำงานของอัยการพิจารณาที่พยานหลักฐาน เหตุผล และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ปรากฏในสำนวน ไม่ใช่นอกสำนวน
นอกจากนี้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยังได้กล่าวถึง การติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ปกติการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ต้องมีต้นเรื่องส่งมาที่ สำนักงานอัยการสูงสุด จากหน่วยงานที่มีอำนาจจับกุม ออกหมาย ว่าผู้ที่จะติดตามมีที่อยู่ที่ไหนอย่างไร โดย อัยการสูงสุด จะทำหน้าที่ในฐานะผู้ประสานงานกลาง ดำเนินการต่อไป แต่อัยการไม่ใช่ต้นเรื่อง พร้อมกับย้ำว่า อัยการไม่ได้เพิกเฉยในเรื่องนี้