ABACโพล ชี้ คนไทยเสี่ยงล้มละลาย

เอแบคโพลล์ พบ ปชช.เสี่ยงล้มละลาย จ่ายสูงกว่า 80% ของรายได้ แนะนายกฯ ดัน ศก.พอเพียงมาใช้ ไม่ใช่แค่โพสต์ FB

ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ผู้อำนวยการโครงการ ABAC Consumer Index บัณฑิตวิทยาลัยบริหารธุรกิจ และนายกสมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง "หัวอกคนจน ว่ากันด้วยค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน" พบว่าจำนวนค่าใช้จ่ายต่อเดือนต่อสินค้าและบริการต่างๆ รอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนมีรายจ่ายส่วนตัว แต่ละเดือนอยู่ที่ 9,197.99 บาท แต่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 11,300 บาทเท่านั้น หมายความว่าโดยรวมประชาชนส่วนใหญ่ตกอยู่ในสภาวะความเสี่ยงต่อการล้มละลาย พึ่งพาตนเองไม่ได้ ต้องกู้หนี้ยืมสินพึ่งพาเงินนอกระบบ เพราะมีรายจ่ายสูงเกินกว่าร้อยละ 80 ของรายได้ที่มีอยู่ในแต่ละเดือน โดยสินค้าและบริการที่มีค่าใช้จ่ายมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของกิน อาหาร (รวมถึงร้านอาหาร) ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงิน เฉลี่ย 5,222.22 บาทต่อเดือน รองลงมาคือ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าเดินทางในชีวิตประจำวัน เช่น ค่ารถประจำทาง ค่าแท็กซี่ ค่าทางด่วน ค่าน้ำมัน คิดเป็นจำนวนเงินเฉลี่ย 3,789.90 บาทต่อเดือน และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบันเทิงและสันทนาการ เช่น การดูคอนเสิร์ต ดูภาพยนตร์ ค่าบริการสถานที่เล่นกีฬา คิดเป็นจำนวนเงินเฉลี่ย 1,416.67 บาทต่อเดือน

ดร.นพดล กรรณิการ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคฯ เปิดเผยว่า คนยากจนกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มีอำนาจต่อรองในเรื่องค่าใช้จ่าย ยิ่งไปกว่านั้นการกำหนดราคาสินค้าและบริการ ไม่ได้สอดคล้องกับรายได้ของประชาชน การออกนโยบายสาธารณะของรัฐบาลที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผ่านมา มักถูกกำหนดกรอบและทิศทางโดยกลุ่มนายทุน การกล่าวอ้างถึงต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น การวนเวียนในเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนด้วยกันเอง ซึ่งทางออกประการแรก รัฐบาลต้องนำ "หลักเศรษฐกิจพอเพียง" มาใช้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ จะประกาศในเฟซบุ๊กเท่านั้น เพราะหลักเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่หลักปรัชญา แต่เป็นหลักของชีวิตที่นำไปใช้ได้จริง