ปราโมทย์ ชี้น้ำทะลักกทม.ชั้นใน แค่กระฉอก

(23 ต.ค.) วานนี้ (22 ต.ค.) นายปราโมทย์ ไม้กลัด ที่ปรึกษาพิเศษผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมที่บริเวณท่าน้ำต่างๆ ในวันที่22 ต.ค. นั้นมาจากน้ำหนุนสูง และเป็นเรื่องของน้ำขึ้นน้ำลง เป็นลักษณะน้ำกระฉอกมีความเปลี่ยนแปลง แต่คืนนี้จะเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งในช่วงระดับน้ำขึ้นสูงสุดแต่ละวันเราก็ต้องเฝ้าติดตามดูแล เหตุการณ์ในวันดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์ประจำ เชื่อว่าวันที่ 23 ต.ค.จะอยู่ในภาวะปกติ

เมื่อถามถึงกรณีที่น้ำจะขึ้นสูงสุดในวันที่ 28-30 ต.ค. ที่จะถึงนี้ นายปราโมทย์ กล่าวว่า จะอันตรายหรือไม่ ต้องติดตามระวัง แต่ไม่ต้องห่วง เพราะระดับคั้นกั้นน้ำมีไว้เพียงพอ อาจจะกระฉอกเหมือนวันที่ 22 ต.ค. บ้าง ในบริเวณที่เป็นจุดอ่อน แต่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์รุนแรงจนดูแลไม่ได้ และถ้าน้ำขึ้นสูงสุด ก็จะใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามต้องเฝ้าระวัง คิดว่าช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 2.30 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ที่สะพานพุทธฯ

สำหรับการป้องกัน กทม.ในตอนเหนือนั้น นายปราโมทย์ ระบุว่า เพิ่งประชุมกับผู้ใหญ่ และกทม. หลักการที่ต้องดูแล คือน้ำที่ไหลเข้ามาปะทะคลองรังสิต และคลองหกวา ต้องผันไปทางตะวันออกและทิศใต้ โดยใช้คลองต่าง ๆ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ขณะนี้น้ำจำนวนมากที่อยู่ทิศเหนือ เราต้องรักษาระดับน้ำให้ไม่สูงมาก เราต้องดึงออก ซึ่งเขาก็บอกว่าทำแล้ว ตรงนี้ต้องดูแลให้ดีเพราะเป็นจุดอ่อน และจะต้องดูจนกว่าจะแน่ใจว่าจะควบคุมได้ นอกจากนี้ เราก็ตกลงว่าน้ำส่วนหนึ่งจะผ่านกทม.ชั้นใน แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมซึ่งกทม. ก็ทำแล้ว เป็นกระบวนการที่ทำให้น้ำมีทางไป ซึ่งวันนี้ทุกฝ่ายกำลังทำให้ชัดเจน

เมื่อถามว่า เขตใดต้องเป็นผู้เสียสละในการระบายน้ำบ้าง นายปราโมทย์ กล่าวว่า มีนบุรี ลาดกระบัง แต่ไม่ใช่ผู้เสียสละ การระบายน้ำจะแผ่เป็นวงกว้าง เขาเป็นผู้ประสบภัย ซึ่งย่านนี้เป็นทางน้ำผ่านโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เราจะระบายน้ำออก ต้องอาศัยทางน้ำผ่าน มันไม่ให้ผ่านไม่ได้ และรัฐบาลก็ต้องไปเจรจากับผู้ได้รับผลกระทบ

เมื่อถามว่า กทม. มีโอกาสรอดไหม นายปราโมทย์ กล่าวว่า ผมไม่พูดว่าจะไม่รอด โดยหลักการที่ทำเราเชื่อว่า หากเราคงทนมั่นคงยืนระยะยาว กทม.จะปลอดภัย เราให้น้ำพังทลายเข้าเขตเศรษฐกิจไม่ได้ เราก็ต้องสู้กัน แต่จุดอ่อนเราก็มี ซึ่งเราก็ทำเต็มความสามารถ