เซียนพระโร่แจ้งความ ถูกน้องสาวพุ่มพวง อุ้มทวงหนี้

เซียนพระโร่แจ้งความ ถูกน้องสาวพุ่มพวง อุ้มทวงหนี้

เซียนพระโร่แจ้งความ ถูกน้องสาวพุ่มพวง อุ้มทวงหนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เซียนพระโร่แจ้งความ หลังถูกเลิศ สุพรรณ และจันจวง ดวงจันทร์ น้องสาวราชินิลูกทุ่ง พาพวกอุ้มไปทวงหนี้ ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา

(22 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายพิสิษฐ์ นวพรลักษมี อายุ 42 ปี อาชีพเซียนพระบนห้างพันธุ์ทิพย์ ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์เพิ่มเติม ในคดีที่ตนเองถูกคนร้าย 6 คน อุ้มตัวจากบริเวณลานจอดรถชั้น 1 ห้างพันธุ์ทิพย์ สาขางามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยคนร้ายได้บังคับเอาพระสมเด็จบางขุนพรหมพิมใหญ่ ราคากว่า 16.5 ล้านบาท ไปก่อนที่จะปล่อยตนเองกลับมา

นายพิสิษฐ์ ให้การว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 13.30 น. ได้ขับรถยนต์มาจอดที่ห้างดังกล่าว เพื่อจะขึ้นไปที่ศูนย์พระบนห้างตามปกติ แต่ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นไปนั้นได้มี นายณรงเวทย์ สมจิตร์ อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นลูกน้องของ นายชัยโรจน์ กาญจนศิลาโรจน์ หรือ เลิศ สุพรรณ ฉายาในวงการพระเครื่อง ได้เดินเข้ามาประกบและบอกว่าให้ไปเคลียร์ธุระกับนายเลิศที่รถ โดยมี น.ส.อภินท์พร มงคลศิลาโรจน์ หรือ จันจวง ดวงจันทร์ น้องสาวราชินีเพลงลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นคนสนิทของนายเลิศนั่งอยู่ในรถด้วย

นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ต่อมานายเลิศ บอกให้ตนขึ้นรถเพื่อเคลียร์ธุระหนี้สิน โดยมีฉกรรณ์ชาย 3 คน ได้นั่งประกบหน้าหลัง ก่อนขับรถออกไปทางแยกพงษ์เพชร ขณะที่อยู่ในรถนายเลิศ ได้พูดข่มขู่เรื่องที่จ่ายเช็คให้เพื่อใช้หนี้ แต่เช็คไม่สามารถไปขึ้นเงินได้ ตนจึงพูดขอร้องว่าขอเวลาอีกหน่อย แต่นายเลิศไม่ยอม ด้วยความกลัวจึงบอกว่าให้พากลับไปที่ห้าง เพื่อไปเอาพระสมเด็จวัดระฆัง ที่ร้านจำนวน 2 องค์ ไปปล่อย ซึ่งถ้าปล่อยได้จะหักลบเหลือเงินอีก 2.5 ล้านบาท

และเมื่อได้เงินแล้ว ตนจะนำเงินไปไถ่พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมใหญ่ ที่จำนำไว้กับเพื่อนในราคา2.5 ล้านบาท แต่ราคาพระถ้าเอาไปปล่อยจะได้สูงถึง กว่า 16 ล้านบาท จนเมื่อตนเองปล่อยพระได้แล้ว คนร้ายจึงพาตนไปที่บ้านเพื่อนเพื่อไถ่พระสมเด็จบางขุนพรหม จากนั้นนายเลิศ ได้ตามลงมาจากรถ ก่อนที่จะเอาพระองค์ดังกล่าวไป 

"ผมเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว เพราะคิดว่าหักหนี้ที่ติดค้างกัน แต่เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ชายชุดดังกล่าวได้มาที่ห้างอีกครั้ง พร้อมทั้งเข้ามาล็อกแขนตน และบอกว่าให้ออกมาคุยกันหน่อย ด้วยความกลัวที่จะถูกทำร้าย จึงได้สะบัดแขนก่อนวิ่งหนีไปพร้อมตะโกนให้คนช่วย ทำให้ชายฉกรรณ์ทั้ง 3 รีบวิ่งหลบหนีไป ตนจึงรีบมาแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวคนร้ายทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด" นายพิสิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนแล้ว โดยทราบชื่อจริงเพียง 3 คน คือ นายชัยโรจน์ กาญจนศิลาโรจน์ นายณรงเวทย์ สมจิตร และน.ส.อภิณห์พร มงคลศิลาโรจน์  ส่วนอีก 3 คน เป็นทหารชุดทวงหนี้ของเสธ.ทหารคนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับทั้ง 6 คนแล้ว ในข้อหาร่วมกันหน่วงเหนียวกักขังผู้อื่น และให้ผู้อื่นกระทำการใดๆให้แก่ผู้กระทำ พร้อมนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook