ไทยลีกทำสำเร็จ!บังยียันเอเอฟซีให้สิทธิ์เล่นแชมเปี้ยนส์ลีกอัตโนมัติแล้ว
ไทยพรีเมียร์ลีกกลับมาเป็นที่ยอมรับในระดับเอเชียอีกครั้งหลังจาก วรวีร์ มะกูดี ยืนยันว่าเอเอฟซีตกลงให้สิทธิ์เข้าไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แบบอัตโนมัติในปี2012 แน่นอนพร้อมกับทีมที่จะได้เพลย์อ็อฟอีกหนึ่งทีมขณะที่ ดร.วิชิต เผยอาจจะปรับให้ เอฟเอคัพมาชิงเร็วขึ้นเพื่อส่งชื่อทีมไปในรอบคัดเลือกเอซีแอล ส่วนไทยลีกไม่จำเป็นต้องเร่งปิดในต้นเดือน ม.ค.แล้ว
วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยข่าวดีในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารทีมชาติไทย ที่ห้องประชุมโรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาว่าสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ตัดสินใจปรับโควตาสำหรับชาติที่จะส่งทีมเข้าแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2012 ใหม่โดยประเทศไทยจะได้สิทธิ์ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มแบบอัตโนมัติ 1 ทีม และได้เล่นในรอบเพลย์อ็อฟ 1 ทีม
ก่อนหน้านี้ไทยเคยได้สิทธิ์ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มถ้วยใบใหญ่สุดของเอเชียจนกระทั่งปี 2008 ซึ่งทีมล่าสุดที่ลงเล่นในรายการนี้คือ ชลบุรี เอฟซี และ ธ.กรุงไทย ก่อนที่จะถูกตัดโควตามาเล่นในรอบเพลย์อ็อฟ 3 ปีหลังสุดและไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบแรกได้เลย
ประมุขลูกหนังไทยกล่าวในการแถลงข่าวว่า "ถือเป็นข่าวที่ดีที่เอเอฟซียอมรับในการพัฒนาของไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ คะแนนที่ลีกของเราได้รับถือว่าสูงเกือบจะเท่ากับ เอลีกของออสเตรเลีย ที่ได้สิทธ์ 2 ทีมและเพลย์อ็อฟ 1 ทีม
ส่วนโควตาของชาติอื่นๆในรายการเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก มีเพียง ญี่ปุ่น และ กาตาร์ที่ได้สิทธิ์ 4 ทีม ส่วน เกาหลีใต้ ,จีน,ซาอุดิอาระเบีย และ อิหร่าน จากเดิมที่ได้ 4 ทีมถูกปรับมาเป็น 3 ทีมและเพลย์อ็อฟ 1 ทีม ขณะที่ อินโดนีเซีย ได้เพียงแค่ เพลย์อ็อฟ 1 ทีมและ เอเอฟซี คัพ 1 ทีม
"บังยี" เผยอีกว่า โควต้าดังกล่าวจะใช้เริ่มต้นใช้ในฤดูกาล 2012 ทันที ซึ่งหมายความว่าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้จะได้เข้าไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก โดยอัตโนมัติ ส่วนทีมที่จะเข้าไปเพลย์อ็อฟคือแชมป์ไทยคม เอฟเอคัพ และหากมีทีมที่ได้ดับเบิ้ลแชมป์สิทธิ์เพลย์อ็อฟจะตกไปอยู่กับทีมอันดับ 2 ไทยพรีเมียร์ลีก ส่วนในฤดูกาล 2013 เอเอฟซีจะมีการพิจารณาโควตาในแต่ละประเทศอีกครั้ง
ด้าน ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานไทยพรีเมียร์ลีก กล่าวว่า"ประเด็นหลังจากที่เราได้โควต้าเอซีแอล (เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก) เพิ่มก็คือเรายังสามารถยืดเวลาส่งชื่อทีมแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกได้อีก ทำให้เราอาจจะเลื่อนวันปิดฤดูกาลจากเดิม 7 มกราคม ไปเป็น 14 มกราคม และปรับให้รอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ ซึ่งจะต้องส่งชื่อทีมแชมป์เข้าแข่งขันรอบคัดเลือกให้มาเร็วขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเรียกทุกสโมสรมาหารือกันก่อน"
สมาคมให้อำนาจ"วินนี่"ดูแลทีมชาติทุกชุด
สำหรับเรื่องการเตรียมทีมชาติไทยทั้งในส่วนของชุดใหญ่ซึ่งต้องลงเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 16 และ 19 ปีซึ่งจะลงแข่งขันศึกชิงแชมป์เอเชียในรอบสุดท้าย นั้น วรวีร์ ได้มอบหมายให้ วินฟรีด เชเฟอร์ กำหนดแนวทางทั้งหมดในขณะที่โค้ชแต่ละชุดต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของนายใหญ่ทีมชาติไทยรายนี้เช่นกัน
"ในส่วนของโค้ชแต่ละชุดนอกเหนือจากจะต้องมีสัญญาว่าจ้างที่ชัดเจนผูกพันกับสมาคมไม่ว่าจะ 2 หรือ 3 ปี การทำงานทุกอย่างต้องสอดคล้องกับทีมชุดใหญ่ซึ่งมีวินฟรีด เชเฟอร์ เป็นผู้กำกับและนี่ถือเป็นแนวทางที่ทั่วโลกทำกัน หลังจากที่เราเห็นความผิดพลาดในหลายๆจุดโดยเฉพาะทีมซีเกมส์"นายกฟุตบอลไทยกล่าว
องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอล กล่าวเสริมว่า "เชเฟอร์จะเข้ามาดูแลโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลลีกของสมาคมฟุตบอลทั้งไทยพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และ โตโยต้าลีกคัพ เพื่อให้โปรแกรมสอดคล้องกับทีมชาติและไม่ให้นักเตะเหนื่อยจนเกินไป"
ส่วน วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย เผยว่า "มันเป็นระบบที่ทั่วโลกทำกันไม่ใช่เพียงเยอรมันที่หัวหน้าโค้ชต้องดูแลทุกทีม ผมยินดีที่เห็นทีมชุดเล็กคว้าแชมป์รายการต่างๆ แต่จะเห็นได้ว่าเรายังไม่มีทีมสำรองที่จะมาทดแทนทีมชุดใหญ่ได้ ซึ่งผมเข้ามาช่วยตรงนี้ไม่ได้มาเพื่อวิจารณ์หรือทำลาย แต่เพื่อการเดินหน้าที่ดี"
"วินนี่"ยังพูดถึงเรื่องที่สมาคมจะให้เขาหาตัวผู้ฝึกสอนเพื่อจะมาดูแลทีมชุดเล็กโดยเฉพาะซีเกมส์ในครั้งต่อไปว่า "ผมมีคนที่พอจะช่วยเหลือตรงนี้ได้ ส่วนชื่อเสียงมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นขอเป็นเพียงคนที่มาทำงานด้วยใจรักฟุตบอล ทำเพื่อประเทศไทย และสามารถทำงานกันได้อย่างลงตัวเท่านั้น"
ขณะที่โปรแกรมการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 41ซึ่ง เชเฟอร์ เคยเสนอว่าให้ไปจัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์เพื่อให้สอดคล้องกับการเดินทางไปเยือนโอมานในช่วงสิ้นเดือนนั้น สมาคมฟุตบอลโดย วรวีร์ มะกูดี ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้เนื่องจากโปรแกรมถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยทีมที่จะทำการแข่งขันจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
