มนตรี ยอดปัญญา ประธานศาลฎีกา ถึงแก่อสัญกรรม

มนตรี ยอดปัญญา ประธานศาลฎีกา ถึงแก่อสัญกรรม

มนตรี ยอดปัญญา ประธานศาลฎีกา ถึงแก่อสัญกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(27 พ.ย.) วานนี้(26 พ.ย.) เวลา 23.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมนตรี ยอดปัญญา ประธานศาลฎีกาคนปัจจุบัน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบที่รพ.ศิริราช หลังจากที่เข้ารับการรักษาอาการป่วย โดยแพทย์ระบุสาเหตุการถึงแก่อสัญกรรมว่ามาจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด โดยทางญาติเตรียมนำศพไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ
 
สำหรับนายมนตรี ปัจจุบัน อายุ 63 ปี และจะมีวาระดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา 2 ปี โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 2556 จบการศึกษาประถมศึกษาโรงเรียนเทศบาล 1 (พะเยาประชานุกูล) มัธยมศึกษาต้นโรงเรียนพะเยาพิทยาคม พ.ศ.2503-2508 มัธยมศึกษาปี 3 โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร พ.ศ.2509 มัธยมปีที่ 4-5 โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ พ.ศ.2511 คณะนิติศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมดี) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2516 เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา รุ่นที่ 27 พ.ศ.2516

ประวัติรับราชการ เป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ช่วยทำงานผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพิษณุโลก ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลแพ่งธนบุรี ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และรองประธานศาลฎีกา

นอกจากนี้มีผลงานด้านวิชาการ เป็นอาจารย์ผู้บรรยายพิเศษกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพ ธุรกิจบัณฑิตย์ รังสิต ประธานกรรมการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษาทั้งสนามใหญ่และสนามเล็ก ผู้เชี่ยวชาญประจำตุลาการรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2549

เคยเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเสนาะ เทียนทอง อดีต รมว.มหาดไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 คดีทุจริตที่ดินอัลไพน์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 2553

รวมถึงยังเป็นองค์คณะพิจารณาคำร้องที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องให้ศาลฎีกา ตั้งองค์คณะพิจารณาถอดถอนคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งคณะ ออกจากตำแหน่ง กรณีถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ที่ชี้มูลความผิดการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดล้อมหน้าอาคารรัฐสภา มิชอบด้วยกฎหมาย ผิดวินัยร้ายแรง และกรณีมีมติไล่นายตำรวจออกจากราชการ

สำหรับนายมนตรี นั้นได้รับการยอมรับจากผู้พิพากษาด้วยกันว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นอย่างสูง สามารถจดจำฎีกาที่บรรพตุลาการเคยมีคำวินิจฉัยไว้ได้อย่างแม่นยำ ทั้งเลขที่ฎีกา องค์คณะผู้พิพากษาที่ตัดสิน จนได้ชื่อว่าเป็น "ตู้ฎีกาเคลื่อนที่" และตลอดชีวิตผู้พิพากษากว่า 40 ปี ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในศาลฎีกา.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook