คุก7นปช.ฝืนพรก.6ด.-จำเลยที่3โดน3ปี6ด.

คุก7นปช.ฝืนพรก.6ด.-จำเลยที่3โดน3ปี6ด.

คุก7นปช.ฝืนพรก.6ด.-จำเลยที่3โดน3ปี6ด.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพินิจ จันทร์ณรงค์ กับพวกรวม 7 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีและใช้อาวุธปืนร่วมกันกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ รวมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จากกรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ ขณะก่อเหตุความวุ่นวาย เผาและขโมยทรัพย์ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 พ.ศ. 2553 โดยคดีนี้ จำเลยทั้ง 7 คน ให้การรับสารภาพ ฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า แม้คดีนี้เจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมจำเลยทั้ง 7 คน ในที่เกิดเหตุ ฐานก่อความวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้นำสืบว่า จำเลยทั้ง 7 คน เป็นผู้ใช้อาวุธปล้นทรัพย์ หรือต่อสู้ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งไม่มีทรัพย์สินของกลาง ที่ยืนยันว่า จำเลยทั้งหมดเป็นผู้กระทำความผิด คงมีเพียง นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม จำเลยที่ 3 ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ประจำห้าง สามารถยึดสินค้าในห้างได้ ส่วนพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่า จำเลยที่ 1,2,4 ถึง 7 กระทำความผิดปล้นทรัพย์ ใช้อาวุธปืนต่อเจ้าพนักงาน จึงพิพากษาจำเลยทั้ง 7 มีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ลงโทษจำคุก
1 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ลงโทษจำคุก 3 ปี รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน ให้คืนของกลางแก่ผู้เสียหายด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook