อภิสิทธิ์ เตือน! เฉลิม หยุดชี้นำคดีนักข่าวรอยเตอร์ส
6 ธ.ค. - "อภิสิทธิ์" เตือน "ร.ต.อ.เฉลิม" ไม่ควรชี้นำคดีนักข่าวรอยเตอร์ส วอนการเมืองถอยไปให้เจ้าหน้าที่ทำงาน เชื่อเจ้าหน้าที่ไม่หวั่นไหว ย้ำไม่นำเรื่องนิรโทษกรรมมาปนกับจุดยืนทางการเมือง วอนทุกฝ่ายน้อมรับกระแสพระราชดำรัส ร่วมมือกันแก้ปัญหาน้ำท่วมและลดความขัดแย้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุรอยเตอร์สว่าจ้างนักสืบสืบคดีช่างภาพรอยเตอร์สเสียชีวิตระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงในทางลับพบเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นการชี้นำซึ่งเคยเตือนไปแล้วว่าควรให้เจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง และหาก ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าใครมีหลักฐานข้อมูลอะไร ก็ควรนำมาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวน เพราะเป็นการสอบสวนในรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว เหตุใดจึงใช้วิธีการออกมาพูดจาชี้นำ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็นเจตนาชัดเจนว่าจะพยายามให้เป็นประเด็นทางการเมือง แต่ทั้งตนและ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมให้ความร่วมมือไปให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ อยู่แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการสอบสวน และหากรู้จักใครที่มีหลักฐานหรือมีพยานใด ๆ ควรให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ ไม่เช่นนั้นกระบวนการหรือข้อสรุปทั้งหลายจะไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ เพราะจะกลายเป็นว่าการเมืองมาชี้ว่า จะต้องเป็นเช่นนั้นเช่นนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เตรียมไปชี้แจงในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ซึ่งไม่รู้สึกกังวล และคิดว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่หวั่นไหว เพราะเจ้าหน้าที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในที่สุด เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่มารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป จึงคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับข้อเท็จจริงและรับความเป็นธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้คุยกับนายสุเทพ เพราะต่างคนต่างรวบรวมเอกสารกันอยู่
ส่วนกรณีที่เกรงว่าจะมีการนำข้อมูลที่ไปให้ปากคำไปขยายผลเหมือนกรณี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตรงนี้มีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ จึงขอให้การเมืองถอยออกไปแล้วให้คนที่มีหน้าที่ค้นหาความจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายดำเนินการจะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม การแสดงท่าทีดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม อาจเป็นเพราะ ร.ต.อ.เฉลิม อยากจะแสดงตนเพื่อเอาใจใครที่อยากจะเอาใจ แต่ไม่ทราบจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ และตรงนี้ต้องตั้งคำถามกลับไปที่รัฐบาลว่า ถ้าอยากจะให้เกิดความปรองดอง ก็ควรมาร่วมกับผู้ที่มีหน้าที่ในการค้นหาความจริง ไม่ใช่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นกล่าวหากันทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่สามารถมากดดันให้เห็นด้วยกับกฎหมายนิรโทษกรรมได้ เพราะไม่เกี่ยวกัน การพิจารณาเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมจะต้องอยู่บนหลักการ แต่ที่ผ่านมาผู้ที่พยายามผลักดันเรื่องนี้ก็อ้างว่าจะทำให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย แต่อยากย้ำว่ารายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ฉบับแรกเขียนชัดว่า เรื่องกระบวนการยุติธรรมที่เปลี่ยนผ่านจะเป็นทางออก แต่ไม่ใช่การนิรโทษกรรม และไม่ใช่เรื่องที่จะบังคับใช้กฎหมายในลักษณะที่ไม่คำนึงถึงบริบททางการเมือง ทั้งนี้ ตนมีหน้าที่ต่อสู้ตามรูปคดี แต่จะไม่นำเรื่องนี้มาปนกับจุดยืนทางการเมือง
"ขณะนี้ยังมีความพยายามสร้างเงื่อนไขความแตกแยกอยู่ วันนี้อยากให้ทุกฝ่ายมาแก้ไขปัญหาประชาชน โดยเฉพาะหลังจากเมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) ควรน้อมนำกระแสพระราชดำรัส มุ่งในเรื่องการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และสิ่งที่ดีที่สุดที่รัฐบาลควรทำ คือ เดินหน้าแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เพราะเมื่อวานนี้ หนึ่งในกระแสพระราชดำรัสก็คือ ความมั่นคงของชาติบ้านเมืองจะอยู่ได้คือ การที่พี่น้องประชาชนอยู่ดีมีสุข" นายอภิสิทธิ์ กล่าว. - สำนักข่าวไทย