Market Talks - บล.เอเซีย พลัส

Market Talks - บล.เอเซีย พลัส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลยุทธ์การลงทุน คาดตลาดมีโอกาสปรับฐานตามตลาดต่างประเทศ หลังตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นเกือบ 10% ในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ หากผลการประชุมของผู้นำสุดยอดของยุโรป ไม่ได้ออกมาตรการรุนแรงเพื่อจะหยุดยั้งปัญหาในยุโรป จึงยังแนะนำกลยุทธ์ระยะสั้นยังให้น้ำหนักลงทุน 30% และให้เกาะติดหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และกระทบน้ำท่วมน้อย AP, SC, LPN, RAIMON, SAT, STANLY หรือที่จะเข้า SET50: BJC, SPALI, TPC และ SET100: SC (จะประกาศกลางเดือน ธ.ค.นี้)   SET Index              1,043.24 เปลี่ยนแปลง (จุด)            -3.49 มูลค่าซื้อขาย (ล้านบาท)    30,662.60   ยอดซื้อ-ขายสุทธิ นักลงทุนแต่ละประเภท (ล้านบาท) นักลงทุนต่างชาติ           1,898.44 บัญชีบริษัทหลักทรัพย์           651.03 นักลงทุนสถาบันในประเทศ   -1,066.65 นักลงทุนรายย่อย          -1,482.82   ตลาดอาจจะคาดหวังเชิงบวกจากการประชุมสุดยอดผู้นำในยุโรป แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรใหม่ ในการประชุมของธนาคารกลางยุโรปได้ตัดลดดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งที่ 2 ตามที่ตลาดคาด อีก 0.25% เหลือ 1% หลังจากที่ได้มีการปรับลดไปก่อนหน้า 0.25% ทั้งนี้คาดว่าการดำเนินนโยบายการเงินอ่อนตัวในยุโรป ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินต่อไปในปี 2555 ตราบที่ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปยังมีอยู่ ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหาในยุโรงคาดว่าจะยังมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป มากกว่าการออกมาตรการที่รุนแรง โดยเฉพาะผลการประชุมสุดสุดผู้นำยุโรปที่กำลังมีขึ้นในระหว่างวันที่ 8-9 ธ.ค. นี้ คาดว่าอาจจะไม่ได้ข้อสรุปในการที่จะช่วยหยุดปัญหาสาธารณะได้ทันทีอย่างที่ตลาดคาดหวัง แต่เบื้องต้นจากการให้สัมภาษณ์ของประธาน ECB ให้ความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่ ECB อาจจะเพิ่มเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 2 แสนล้านเหรียญยูโร เพื่อให้ IMF สามารถนำไปปล่อยกู้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปที่มีปัญหา (จากเดิมที่กำหนดวงเป็นช่วยเหลืออยู่ที่ 4.4 แสนล้านเหรียญยูโร เมื่อรวมครั้งนี้จะเพิ่มเป็น 1 ล้านล้านเหรียญยูโร) ทั้งนี้เงินจำนวนนี้ราว 75% มาจากการกู้ยืมจากประเทศสมาชิกยุโรป 17 ประเทศ และที่เหลืออีก 25% มาจากประเทศนอกสมาชิกยุโรป  โดย ECB  อาจจะปล่อยสินเชื่อให้แก่ธนาคารในยุโรปไม่จำกัดวงเงินเป็นเวลา 36 เดือน แต่จะมีการกำหนดเงื่อนไขสำคัญ 2 ประการคือ 1) ลด  required reserved ของธนาคารพาณิชย์ในยุโรป จาก 2% เหลือ 1%  และ 2)  ผ่อนปรนขยายสินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกัน เพิ่มเติม  เช่น จากเดิมใช้ rating ที่เน้น AAA ให้ครอบคลุมสินทรัพย์ที่มี เครดิตเรตติ้งที่ต่ำลง (A-) รวมถึงให้นำสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ เช่น Mortgate backed securities สินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก และการปล่อยสินเชื่อบ้าน เป็นหลักประกันได้ อย่างไรก็ตามข้อเสนอเหล่านี้จะต้องได้รับความเห็นจากในที่ประชุมที่จะสิ้นสุดวันนี้ แต่หากเป็นไปตามข้อเสนอดังกล่าว ก็กล่าวได้ว่าไม่ใช่มาตรการที่รุนแรง เนื่องจากมิใช่การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ  ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนผิดหวัง  ทำให้ตลาดยังอยู่ใน .Zone ของการปรับฐานต่อไป   ผลกระทบจากน้ำท่วมในประเทศ กดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. 2554 ต่ำสุดในรอบ 10 ปี วานนี้สภาหอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือน พ.ย. 2554 พบว่า อยุ่ที่ระดับ 61 จุด ลดลง 2.9% จากเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี และยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องในเดือนถัดไป ผลสืบเนื่องมาจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในประเทศที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยกว่า 1 แสนล้านบาท น่าจะกดดัน GDP Growth งวด 4Q54 ให้หดตัว 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหดตัวอีกเล็กน้อยราว 0.2%YoY ในงวด 1Q55 ก่อนที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวแบบ V-shape ตลอดปี 2555 ส่งผลให้ ฝ่ายวิจัยประเมิน GDP Growth ทั้งปี 2554 จะเติบโตเพียง 1.5% เทียบกับ 9M54 ที่เศรษฐกิจเติบโตกว่า 3.1% ขณะที่ปี 2555 GDP Growth ของไทยจะฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ เติบโตถึง 4.1% ซึ่งถือว่ายังเป็นระดับที่มีเสน่ห์ น่าสนใจลงทุนไม่แพ้ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยสรุป ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ภายในประเทศ น่าจะกดดันกำลังซื้อภาคครัวเรือน และเศรษฐกิจไทยราว 2 ไตรมาส คืองวด 4Q54-1Q55 แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดตอบรับความเสี่ยงต่อประเด็นนี้ไปแล้วระดับหนึ่ง และน่าจะกลับมามีน้ำหนักกดดันต่อตลาดหุ้นไทยให้ผันผวนอีกครั้งในช่วงใกล้การรายงานการเติบโตของเศรษฐกิจไทยงวด 4Q54 ในช่วงกลางเดือน ก.พ. 2555   Fund Flow ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบตามฤดูกาล วานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 2 อีก 230 ล้านเหรียญฯ โดยตลาดเกาหลีใต้มียอดซื้อสุทธิมากสุดกว่า 176 ล้านเหรียญฯ หลังจากถูกขายติดต่อกัน 3 วันทำการ ตามด้วยตลาดหุ้นไทย และ ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มียอดซื้อสุทธิ 62 ล้านเหรียญฯ และ 22 ล้านเหรียญฯ นับเป็นการซื้อติดต่อกัน 7 วัน และ 4 วัน ตามลำดับ สำหรับตลาดหุ้นฟิลิปปินส์พบว่ามียอดซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 6 อีก 14 ล้านเหรียญฯ ในขณะที่ตลาดหุ้นไต้หวันเป็นตลาดเดียวที่ถูกขายสุทธิออกมากว่า 44 ล้านเหรียญฯ หลังจากมียอดซื้อสุทธิติดต่อกัน 8 วันทำการ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าในระยะสั้น ปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกประเทศยังมีผลในการกำหนด Fund Flow ระยะสั้น โดยเชื่อว่ามีโอกาสที่ตลาดหุ้นภูมิภาคจะเริ่มถูกทยอยขายทำกำไรในช่วงที่เหลือของเดือน ธ.ค. นี้ เนื่องจากการศึกษาทางสถิติของฝ่ายวิจัยในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีโอกาสสูงถึง 70% ที่นักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิในเดือน ธ.ค. แต่แรงขายมักจะค่อนข้างเบางบางจึงไม่น่าจะกดดันตลาดมากนัก   นักวิเคราะห์:  ภรณี ทองเย็น, CISA  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146 เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม  เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132 กรภัทร วรเชษฐ์      ผู้ช่วยนักวิเคราะห์   โดย บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประจำวันที่ 9 ธันวาคม 2554

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook