ตำรวจไม่รับฟ้อง คดีอีเมล์ล่านักข่าวช่อง 7

ตำรวจไม่รับฟ้อง คดีอีเมล์ล่านักข่าวช่อง 7

ตำรวจไม่รับฟ้อง คดีอีเมล์ล่านักข่าวช่อง 7
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

10 ธ.ค. - สั่งไม่ฟ้องคดีอีเมลล่านักข่าว 7 สี เจ้าตัวเตรียมพบสภาทนายความสัปดาห์หน้า พร้อมฟ้องเองหากอัยการสั่งไม่ฟ้องตามพนักงานสอบสวน ตั้งข้อสังเกตตำรวจตีกรอบคดีเล็กกว่าข้อเท็จจริง ย้ำ ไม่คิดงัดข้อคนเสื้อแดง แต่ต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย ห่วงหากคดีนี้เอาผิดไม่ได้ ส่งผลลัทธิล่าแม่มดในโลกไซเบอร์แพร่ระบาดมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีที่ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 แจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.พรทิพย์ ปักษานนท์ ประธาน นปช.เพชรบุรี ในข้อหาทำให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญจากการโพสต์รูปภาพ น.ส.สมจิตต์ พร้อมข้อความ"เปิดโฉมหน้านักข่าวที่ทำให้นายกฯ ปูเดินหนี ที่แท้เป็นนักข่าวสาว ช่อง 7 สี จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เห็นที่ไหนก็จัดให้หน่อยก็แล้วกันครับ" ส่งต่อผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มเครือข่ายคนเสื้อแดง ซึ่งล่าสุด พ.ต.ท.พิตตินันท์ อุทธสิงห์ รองผู้กำกับการสืบสวนฯ ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิต มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พรทิพย์ ปักษานนท์

น.ส.สมจิตต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวจาก พ.ต.ท.พิตตินันท์ ลงวันที่ 3 ธ.ค. เนื่องจากบ้านน้ำท่วมมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน และเพิ่งกลับเข้าไปทำความสะอาด จึงทราบว่าตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พรทิพย์แล้ว โดยในหนังสือดังกล่าวให้เหตุผลว่า "สถานีตำรวจนครบาลดุสิต ขอเรียนว่า พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีความเห็นควร ‘สั่งไม่ฟ้อง' ผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้เป็นผู้เขียนข้อความและลงรูปภาพดังกล่าว โดยได้คัดลอกมาจากเว็บไซต์ที่มีผู้โพสต์ข้อความอยู่ก่อนแล้ว และไม่ได้มีเจตนาส่งข้อความถึงผู้กล่าวหาอันเป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ได้คัดลอกและส่งข้อความไปยังกลุ่มเพื่อนเพื่อสื่อสารถึงกัน"

น.ส.สมจิตต์ กล่าวว่า หลังจากรับทราบดุลพินิจของพนักงานสอบสวนแล้ว ได้โทรศัพท์ปรึกษากับ นายเกรียงศักดิ์ วรมงคลชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ ได้รับคำแนะนำให้ไปที่สภาทนายความเพื่อยื่นเรื่องต่อฝ่ายช่วยเหลือสภาทนายความให้สอบข้อเท็จจริง เพื่อตั้งสำนวนให้สภาทนายความช่วยเหลือ โดยถือว่าเป็นการพิทักษ์คุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย ซึ่งในคดีอาญากฎหมายให้สิทธิผู้เสียหายฟ้องดำเนินคดีเองได้ แม้ว่าพนักงานสอบสวนและอัยการจะสั่งไม่ฟ้องก็ตาม

"ในสัปดาห์หน้า ดิฉันจะเดินทางไปที่สภาทนายความเพื่อปรึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะส่วนตัวเห็นว่าพนักงานสอบสวนตีกรอบการพิจารณาคดีเล็กกว่าข้อเท็จจริง เช่น ไม่มีการรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของ น.ส.พรทิพย์ จนทำให้มีคนเสื้อแดงไปคุกคามที่ต้นสังกัด เพื่อขอให้ปลดดิฉันออกจากการเป็นผู้สื่อข่าว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนอ้างว่าเป็นคนละเรื่องกัน ไม่สามารถนำมารวมเป็นเหตุในคดีเดียวกันได้ เรื่องนี้ดิฉันคิดว่าในคดีนี้นอกจากพฤติกรรมโดยตรงของ น.ส.พรทิพย์แล้ว พนักงานสอบสวนควรจะได้พิจารณาถึงข้อเท็จจริงประกอบพฤติกรรมแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย จึงจะถือว่าให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างแท้จริง" น.ส.สมจิตต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวช่อง 7 กล่าวด้วยว่า ที่ต้องร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความไม่ใช่เพราะต้องการเป็นคู่กรณีกับคนเสื้อแดงไม่มีที่สิ้นสุด หรือจงใจหาเรื่อง น.ส.พรทิพย์ ซึ่งได้แจ้งไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่ามีเจตนาที่จะให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างของการรักษาสิทธิตามกฎหมาย แม้จะเป็นคดีเล็ก ๆ มีความผิดลหุโทษ แต่ต้องการสื่อสารกับสังคมว่าไม่มีใครมีสิทธิทำผิดกฎหมายหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น และทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการรักษาสิทธิของตัวเองไม่ให้ถูกละเมิด โดยใช้ช่องทางตามกฎหมายที่มีอยู่

น.ส.สมจิตต์ กล่าวว่า เป็นห่วงการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่ระบุว่า การนำข้อความจากที่คนอื่นโพสต์ไปกระจายในหมู่เพื่อนตัวเอง ไม่ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดยไม่พิจารณาในเนื้อหาสาระว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้เสียหายหรือไม่นั้น ไม่น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่ถูกต้องต่อสังคม เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาในโซเชียลมีเดียที่เรียกว่า "การล่าแม่มด" โดยมีคนจำนวนไม่น้อยที่ถูกกระทำในลักษณะเดียวกับตน คือ มีการโพสต์รูปภาพ ข้อความลักษณะข่มขู่ผ่านเฟซบุ๊ก จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือแพร่กระจายตามเว็บไซต์ต่าง ๆ หากตำรวจใช้ดุลพินิจเช่นนี้ เชื่อว่าลัทธิล่าแม่มดในโลกอินเทอร์เน็ตก็จะแพร่ระบาดมากขึ้น เพราะมีตัวอย่างจากการสั่งไม่ฟ้อง น.ส.พรทิพย์ ของตำรวจ สน.ดุสิตแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.สมจิตต์ ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก พ.ต.ท.อภิชาติ นาคสุข พนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากได้สอบถามไปยังราชบัณฑิตยสถานเกี่ยวกับความหมายของคำว่า "จัดให้หน่อย" ไม่พบว่าเข้าข่ายข่มขู่ให้เกิดความตกใจกลัว อีกทั้งได้ทำหนังสือถึงกระทรวงไอซีที ก็ไม่สามารถหาต้นตออีเมลของผู้ที่โพสต์ได้ จึงเห็นว่า น.ส.พรทิพย์ ไม่มีความผิด เพราะไม่ได้เป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยตัวเอง อีกทั้งการส่งอีเมลก็ไม่ได้ส่งมาที่ผู้เสียหาย แต่เป็นการส่งต่อในหมู่เพื่อนเท่านั้น

สำหรับ น.ส.พรทิพย์ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นบอร์ดบริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อย่างหนักว่า น.ส.พรทิพย์ ได้เป็นบอร์ด ทอท. เพราะผลงานไล่ล่าสื่อเข้าตารัฐบาล เนื่องจากไม่เห็นว่ามีคุณสมบัติใดโดดเด่นนอกจากการเป็นประธาน นปช.เพชรบุรี ที่ออกมาปกป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เท่านั้น - สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook