เผยหลักเกณฑ์นักโทษการเมือง ได้แยกขังที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่

กรมราชทัณฑ์เ ผยหลักเกณฑ์นักโทษการเมืองได้แยกขังที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ นักโทษคดีอาญาจากเหตุชุมนุมทางการเมือง ทั้งวางเพลิง เผาทรัพย์ ก่อการร้าย แต่มีมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุจากเรื่องการเมืองเข้าข่ายเป็นนักโทษการเมืองทั้งหมด ยกเว้นกลุ่มที่คดีเสร็จสิ้นเด็ดขาดแล้ว

(28 ธ.ค.) นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์ผู้ต้องขังที่เข้าข่ายเป็นนักโทษการเมืองได้แยกขังที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ว่า คณะกรรมการฯ ได้ประชุมมา 2 ครั้ง โดยพิจารณาข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ให้ชะลอการดำเนินคดีอาญากับกลุ่มผู้ต้องหาในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือนเมษายน 2552 และให้ร้องปล่อยตัวชั่วคราว และมีมาตรการเยียวยา ซึ่งคณะกรรมการฯ มีความเห็นตาม คอป. และทีมกฎหมายของกรมราชทัณฑ์อยู่ระหว่างร่างหลักเกณฑ์

โดยให้ผู้ต้องขังคดีอาญาทั้งความผิดวางเพลิง เผาทรัพย์ ก่อการร้าย หรือคดีอื่นที่มีมูลเหตุจูงใจในการกระทำผิดมาจากเรื่องการเมือง เข้าข่ายเป็นนักโทษการเมืองที่จะได้แยกขังที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ โดยมีเงื่อนไขคือ เฉพาะผู้ต้องขังที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาหรืออยู่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ผู้ต้องขังในคดีอาญาที่มีมูลเหตุจูงใจจากการเมืองและยังถูกควบคุมตัวอยู่มีกว่า 70 คน แต่ 20 คนคดีเสร็จสิ้นเด็ดขาดแล้ว จึงเหลือประมาณ 50 คนที่เข้าข่ายเป็นนักโทษการเมือง

นายกอบเกียรติ กล่าวอีกว่า ฝ่ายประจำมีหน้าที่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งกรมราชทัณฑ์เป็นปลายทาง การพิจารณาแยกขังเพราะข้อเสนอ คอป. และหลายฝ่ายเห็นว่าคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองอาจมีการตั้งคดีที่รุนแรงเกินไป หรือมีเรื่องการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องในการดำเนินคดี ซึ่งในส่วนของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพก็จะเดินหน้าในเรื่องการช่วยประกันตัวผู้ต้องขังในคดีที่มีมูลเหตุจากเรื่องการเมืองเช่นกัน เพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ส่วนการย้ายผู้ต้องขังที่เข้าข่ายเป็นนักโทษการเมืองไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ จะต้องรอจนกว่าการปรับปรุงเรือนจำดังกล่าวจะแล้วเสร็จ. -สำนักข่าวไทย