รอบด้านตลาดหุ้น - บล.บัวหลวง

รอบด้านตลาดหุ้น - บล.บัวหลวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สรุปภาพตลาด             วอลุ่มตลาดยังคงหนาแน่นอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท ภาวะการซื้อขายโดยรวมพบว่าหุ้นขนาดใหญ่เริ่มมีแรงขายทำกำไรหลังจากปรับตัวขึ้นแรงในส่วนของประเด็นยังคงเป็นเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจและมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซซึ่งยังคงตกลงกันไม่ได้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่เริ่มปรับฐาน           มุมมองทางเทคนิคตลาดหุ้นไทยยังคงมองทิศทางปรับขึ้น อาจจะมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นบ้าง แต่มองเป็นการพักตัวบนแนวโน้มขาขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทซึ่งเป็นตัวชี้วัดกระแสเงินลงทุนอ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ที่ $30.74 บาทอย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากแนวโน้มค่าเงินบาทตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีลักษณะแข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับกระแสเงินลงทุนที่ไหลเข้า เรายังคงมองแนวโน้มทิศทางของค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นได้เป็นลักษณะเดียวกันกับสกุลเงินในภูมิภาคที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อีกประเด็นที่น่าสนใจคือดัชนีตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียแสดงรูปแบบการเรียงตัวหรือการสร้างฐานเกิดขึ้นพร้อมๆกัน และมีหลายประเทศที่เห็นการดีดตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบสัปดาห์           แนวทางการลงทุน: สรุปภาวะตลาดโดยรวมยังมองตลาดเป็นการพักฐานและมีลุ้นดีดขึ้นได้ กรอบแนวรับขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1100 จุดส่วนแนวต้านระยะกลางคงไว้ที่ 1040-150 จุด    ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334   ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด   ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงอัตราดอกเบี้ย           ประธานธนาคารกลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1% แต่ให้ความคิดว่าจะยังคงนโยบายผ่อนปรนต่อธุรกิจการเงินต่อไปสร้างความคาดหวังว่าจะเห็นการอัดฉีดสภาพคล่องการเงินรอบใหม่ (มอร์แกน สแตนเลย์คาดเม็ดเงินไว้ราว 2-3 แสนล้านยูโร เทียบกับการคาดการณ์ตลาดที่ราว 5 แสนล้านยูโร) ธนาคารกลาง ECB จะประกาศมาตรการ Long Term Refinancing Operation (LTRO) รอบใหม่ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ซึ่งคาดว่าจะเสนอเงินกู้อัตราดอกเบี้ยถูก 3 ปีที่อัตราดอกเบี้ย 1% ให้กับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ECB ยังให้มุมมองต่ออัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 2% ก่อนจะปรับตัวลงในที่สุด แต่ภาพเศรษฐกิจยุโรปยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ ECB เพิ่งได้รับข่าวว่ารัฐบาลกรีซได้บรรลุข้อตกลงปฏิรูปการเงิน และ รายจ่ายประเทศแล้วกับเจ้าหน้าที่ของ EC, IMF, ECB (CNBC)   ดีเดย์ประกันภัยพิบัติ 20 ก.พ.           นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมประกันภัยพิบัติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯนัดแรก ว่า ได้หารือถึงกรอบการทำงานโดยเฉพาะการกำหนดกฎระเบียบและวิธีปฏิบัติงาน รวมถึงรายละเอียดในการจัดตั้งกองทุนเพื่อรับประกันภัยน้ำท่วมและภัยพิบัติให้กับภาคครัวเรือน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เบื้องต้นได้กำหนดเป้าหมายว่าจะเปิดรับประกันภัยทั่วประเทศให้ได้ระหว่างวันที่ 20-24 ก.พ.นี้ (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์)   ดัชนีเชื่อมั่นม.ค.แค่ผงกหัว ค่าครองชีพ-น้ำมันแพง จี้อัดฉีดมาตรการกระตุ้น           นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน ม.ค. 55 จากประชาชน 2,233 คนว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมอยู่ที่ 74.2 เพิ่มจาก 73.1 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน 53.6 เพิ่มจาก 52.8 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต 81.6 เพิ่มจาก 80.4 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 64 เพิ่มจาก 63.1 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน 65.4 เพิ่มจาก 64.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต 93.1 เพิ่มจาก 92.1 (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์)   ชงขึ้นภาษีดีเซล-เบนซินลิตรละ1บาทสิ้นกุมภาฯ           นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้จะหารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เพื่อหารือถึงการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมัน ทั้งน้ำมันดีเซลและเบนซิน โดยจะเสนอเป็นแพ็กเกจ ให้นายกิตติรัตน์พิจารณาก่อนจะเสนอให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจต่อไป ในส่วนของภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลนั้น ขณะนี้ปรับลดลงเหลือลิตรละ 0.005 บาท จากที่เก็บอยู่ 5.31 บาท และจะครบกำหนดภึงวันที่ 29 ก.พ.นี้ ซึ่งการลดภาษีดีเซลนั้น ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน เม.ย. 54 และได้รับการต่ออายุมาหลายครั้ง ส่งผลให้กรมสรรพสามิตสูญเสียรายได้จากการลดภาษีน้ำมันดีเซลเดือนละ 9,000 ล้านบาท รวมแล้วทำให้กรมสูญเสียรายได้ไป 90,000 ล้านบาท อีกทั้งมองว่าขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดเล็กน้อยและในช่วงเดือน เม.ย. นี้ หรือช่วงฤดูร้อน น่าจะมีการใช้น้ำมันลดลง จึงปรับภาษีขึ้นได้ (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์)   เอกชนบี้'อารักษ์'แก้ปมเอ็นจีวี           นายทองอยู่ คงขันธ์ ที่ปรึกษาสหพันธ์รถขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังการเข้าพบนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อหารือถึงผลกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ที่กระทรวงพลังงานหารือว่าวัตถุประสงค์ของการหารือกับนายอารักษ์ เพราะต้องการสะท้อนปัญหาของเอ็นจีวีมากกว่าการคัดค้านการขึ้นราคา เนื่องจากการขึ้นราคาเอ็นจีวีรวม6 บาทต่อกิโลกรัมถึงสิ้นปีนี้ ผู้ประกอบการรับได้แต่รัฐบาลต้องแก้ปัญหา 3 เรื่องหลักที่ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนเดือดร้อน คือ 1.ปัญหาการขาดแคลนก๊าซ เพราะปัจจุบันบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีความสามารถจ่ายก๊าซเอ็นจีวีประมาณ 6,000 ตันต่อวัน แต่ความต้องการจากผู้ใช้อยู่ที่ประมาณ 8,000 ตันต่อวัน อยากถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร (หนังสือพิมพ์บ้านเมือง)   'ปู'สั่งต่อแอร์พอร์ตลิงค์ไปดอนเมือง           นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดูรายละเอียดเกี่ยวกับการเชื่อมโยงทางบกน้ำ อากาศเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะแผนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ในเส้นทางพญาไท-ท่าอากาศยานดอนเมือง ที่ขณะนี้ถือว่ายังเชื่อมโยงไม่ครบเนื่องจากยังไม่มีการเชื่อมต่อจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งแผนดังกล่าวต้องเร่งรัดให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะการเดินทางของผู้โดยสารในการต่อเครื่องยังไม่สะดวก (หนังสือพิมพ์บ้านเมือง)   สั่ง กสท-ทีโอทีปรับรับสัมปทาน 3จี           นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ว่า ในที่ประชุมได้รายงานการแก้ไขการดำเนินการธุรกิจของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีประเด็นข้อพิพาททางกฎหมายและไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากอยู่ในการพิจารณาของศาล พร้อมมอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อการ(ไอซีที) รับไปดูแลฟื้นฟูแผน เช่น การพัฒนาระบบ 3จี การลดบุคลากร ส่วนแผนการดำเนินงานของงบประมาณ ขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดำเนินการอยู่ ซึ่งกระทรวงไอซีทีอาจจะต้องมีการปรับปรุงข้อมูลบางส่วน (หนังสือพิมพ์บ้านเมือง)   ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1   รายงานวันนี้   หุ้น: SCC          คำแนะนำ: ซื้อ          ราคาเป้าหมาย (บาท): 430.00           SCC, QPI, PetroVietnam และ Vinachem ได้ตกลงเซ็นสัญญาร่วมทุนในปิโตรเคมีคอลคอมเพล็กซ์แห่งแรกของเวียดนามมูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญ           โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการเชิงพาณิชย์ในช่วง 4-5 ปีหนังจากเริ่มโครงการ           นับว่าเป็นอีกก้าวของ SCC ในการสร้างอาณาจักรธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย   นักวิเคราะห์: ไชยธร ศรีเจริญ Tel. (662) 618-1344   หุ้น: STEC          คำแนะนำ: ซื้อ          ราคาเป้าหมาย (บาท): 14.00           มีข่าวลือในตลาดว่า STEC อาจสูญเสียงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงแพคเกจแรกให้กับ ITD โดย บริษัทร่วมทุนระหว่าง STEC และ UNIQ ปฏิเสธที่จะลดราคาเสนอให้เท่ากับราคากลางของการรถไฟแห่งประเทศไทย           ไม่มีผลกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิของเราเนื่องจากเรายังไม่ได้รวมโครงการดังกล่าวเข้าไปในประมาณการ           นอกจากนี้บริษัทยังน่าจะได้งาน โรงงาน LNG ในออสเตรเลียช่วงครึ่งหลังของปี           แนะนำให้ ซื้อ STEC และขาย ITD   นักวิเคราะห์: ไชยธร ศรีเจริญ Tel. (662) 618-1344   หุ้น: BBL          คำแนะนำ: ซื้อ          ราคาเป้าหมาย (บาท): 181.00           ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อขยายตัว 6-8%           ธนาคารตั้งเป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียมขยายตัว 10%           ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอาจลดลงเล็กน้อย   นักวิเคราะห์: สุวัฒน์ บำรุงชาติอุดม Tel. (662) 618-1341   หุ้น: ADVANC          คำแนะนำ: ซื้อ          ราคาเป้าหมาย (บาท): 180.00           รายงานกำไรสุทธิสูงกว่าที่เราคาด 23% เนื่องจากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้รอตัดบัญชีที่น้อยกว่าคาด           กำไรสุทธิไตรมาส 4/54 ลดลง 37% YoY และ 41% QoQ           เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2555 ขึ้น 6%และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย 7%   นักวิเคราะห์: ประสิทธ์ สุจิรวรกุล Tel. (662) 618-1342             หมายเหตุ: รายงานดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาโดยสรุป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม   Technical Analysis             Security: KTB           Position: ซื้อ           เป้าหมาย : 17.2/17.6           Stop loss < 16.2           Reason: ยังคงเป็นหุ้นที่น่าจับตามอง หลังจากวอลุ่มโดดเด่นและยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นแบงค์ขนาดใหญ่ ปัจจุบันราคาทะลุแนวต้านสำคัญ 16 บ. สอดคล้องกับวอลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ                         Security: SCC           Position: ซื้อ           เป้าหมาย : 370/375           Stop loss < 357           Reason: ทะลุยอดเดิม ส่งผลให้หุ้นดีดตัวขึ้นแรงจากการทำ new high ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 370-375                       Security: PTTEP           Position: ซื้อ           เป้าหมาย : 186/188           Stop loss <179.5           Reason: สร้างฐานบริเวณ 175 นานกว่า 2 สัปดาห์ มองสัญญาณการดีดตัวจากการmทะลุแนวต้านสำคัญ 180 บ.                       Security: PTT           Position: ซื้อ           เป้าหมาย : 356/360           Stop loss < 348           Reason: ราคาหุ้นไต่ระดับและรักษาโมเมนตัมการปรับตัวขึ้นไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่พบวอลุ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1-2 วันนี้ภายหลังจากราคาทะลุทำจุดสูงสุดใหม่                       Security: TVO           Position: ซื้อ           เป้าหมาย : 21/21.5           Stop loss < 19.7           Reason: วอลุ่มกลับเข้ามาหนานแน่น หลังจากยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้อย่างแข็งแกร่งและทะลุแนวต้านสำคัญที่ 20 มองเป้าหมายที่ 21-21.5                       Security: TCAP           Position: ซื้อ           เป้าหมาย : 31/32           Stop loss < 26.5           Reason: สัญญาณซื้อจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ 28 บ.แนะนำ Follow buy มองแนวต้าน 31 และ 32                       โดย บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง ประจำวันที่ 10 ก.พ. 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook