ช็อก! ลักลูกสาวหายไป 15 ปี ตามคืนมาท้อง 3 เดือน
(19 ก.พ.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้รับการแจ้งร้องทุกข์จาก นางอ้อย (นามสมมติ) อายุ 39 ปี และ นายชอบ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่ของ ด.ญ.กุ๊ก (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ว่าลูกสาวถูกคนลักพาตัวไปตั้งแต่ยังแบเบาะ พออีก 13 ปีต่อมา ตามลูกสาวกลับมาได้ แต่ปรากฎว่าตั้งครรภ์กับพ่อเลี้ยง
นายอ้อย ให้การกับ นางปวีณา ว่า เมื่อปี 2541 ถูกลักพาตัวลูกสาวไปก็คือ ด.ญ.กุ๊ก ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น โดยผู้ที่ลักพาตัวไปคือ นางจำปี เนตรสานี ซึ่งเป็นผู้ที่ตนได้ว่าจ้างให้เลี้ยงดูลูกสาวแบเบาะให้ เพราะเห็นเอ็นดูเป็นอย่างดี จนกระทั่งต่อมา นางจำปี ได้แอบลักพาตัวลูกสาวแบเบาะหนีไป จนตามไปทวงลูกคืนได้ที่บ้านของนางจำปี จ.นครสวรรค์ แต่ไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ เพราะนางจำปีอ้างว่าทำไปเพราะความรักและเอ็นดู เนื่องจากไม่มีลูกเป็นของตัวเอง
ต่อมาตนกับสามีจึงได้วานจ้างให้ นางจำปี เลี้ยงดู ด.ญ.กุ๊ก ต่อไปอีก และเฝ้าดูติดตามไม่ห่าง จนกระทั่งอีกไม่นานนักก็เกิดเหตุอีกครั้ง นางจำปี แอบลักพาตัวลูกสาวหายไปอีก ตอนที่ตนกับสามีเผลอ ครั้งนี้ตนกับสามีพยายามพลิกแผ่นดินหาก็คลาดกันทุกครั้งไป
จนเวลาผ่านไป 13 ปี เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2554 จู่ๆ นางจำปี ได้ติดต่อกลับมาหาตนว่า ได้เลี้ยงดูลูกสาวเป็นอย่างดี ตอนนี้กำลังจะเข้าโรงเรียนมัธยมแล้ว และจำเป็นต้องใช้ใบแจ้งเกิดเพื่อเป็นเอกสารสมัครเข้าโรงเรียน ตนจึงได้ออกอุบายนัดแนะให้พาลูกสาวมา ก่อนจะพา ด.ญ.กุ๊ก กลับบ้านไม่ให้ไปกับนางจำปีอีก เมื่อได้ลูกสาวกลับมาอยู่บ้าน ปรากฏว่า ด.ญ.กุ๊ก มีท่าทีซึมเศร้า ตนจึงเค้นสอบถาม จนพบว่าลูกสาวถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนจนตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว
ด.ญ.กุ๊ก เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่จำความได้ นางจำปี มักจะพาออกไปขายดอกกุหลาบตามสถานที่ต่างๆ ช่วงกลางดึก จนกระทั่งต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่ ชุมชนหลังโรงพยาบาลศิริราช อยู่กับสามีของนางจำปี คือ นายสมคิด แสงวิสุทธิ์ เป็นลูกจ้างโรงเรียนดังแห่งหนึ่งย่านปิ่นเกล้า โดยช่วงเวลาที่นางจำปีไม่อยู่บ้าน มักจะถูกพ่อเลี้ยงที่เมายาบ้าใช้กำลังบังคับข่มขืนกระทำชำเรา พร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้บอกเรื่องนี้กับผู้ใด จนกระทั่งตั้งครรภ์ในที่สุด
ด้าน นางปวีณา ได้ดำเนินการส่ง ด.ญ.กุ๊ก และ นางอ้อย เข้ารับการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน ผลปรากฏว่าถูกต้อง อีกทั้งส่ง ด.ญ.กุ๊ก เข้าตรวจร่างกายและพบว่าตั้งครรภ์จริง ทั้งนี้ นางปวีณา จะเร่งดำเนินประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางกอกน้อย ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในกรณีนี้ให้ได้โดยเร็ว