เฉลิมปัดสติ๊กเกอร์SEJEALโยงบึ้มลั่นไทยไม่ตกหลุมขัดแย้ง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีเหตุระเบิดในประเทศไทย 3 จุด นั้น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความว่า SEJEAL อยู่ในขณะนี้ สติ๊กเกอร์ดังกล่าวไม่เกี่ยวโยงกับการก่อการร้ายแต่อย่างใด เนื่องจากไปศึกษามาแล้ว ความหมายของคำดังกล่าวคือ นกที่จะปราบความชั่วร้าย ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หยุดพูดเรื่องนี้ไปแล้ว และยืนยันว่าประเทศไทย จะไม่ให้ประเทศคู่ขัดแย้งเข้ามาสืบสวนคดีร่วมกับประเทศไทยอย่างเด็ดขาด และจะไม่ตกอยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้ง เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นความขัดแย้งทางศาสนาที่มีระยะเวลามานานแล้ว ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีการตรวจพบสติ๊กเกอร์ตัวอักษร SEJEAL ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้า เสาป้ายโฆษณา ป้ายบอกทาง ตู้โทรศัพท์ บริเวณสถานที่ต่างๆ อาทิ บริเวณถนนดวงพิทักษ์ เลียบทางด่วนเพลินจิตใต้ บริเวณถนนรัชดาภิเษกขาออก ด้านหน้าอาคารซีทีไอทาวเวอร์ บริเวณรั้วสังกะสีด้านหน้า การไฟฟ้าคลองเตย และบริเวณด้านหน้ามิ่งขวัญคลินิกเวชกรรม ย่านดินแดง ว่า ทาง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ โดยเบื้องต้นได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไปดำเนินการตรวจสอบถึงที่มา ที่ไป ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีการรายงานข้อเท็จจริง เรื่องสติ๊กเกอร์ดังกล่าว กลับมาแต่อย่างใด ปานศิริ ถกคดีบึ้ม3จุดนาน4ช.ม.งดให้สัมภาษณ์ความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ซึ่งใช้เป็นศูนย์อำนวยการเพื่อประชุมคดีระเบิด 3 จุด ในซอยปรีดีพนมยงค์ 31-33 และถนนสุขุมวิท 71 โดยภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมความคืบหน้าคดีดังกล่าว ซึ่งใช้กว่า 4 ช.ม. นั้น เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมประชุมได้ทยอยเดินทางกลับ รวมไปถึง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดทำงาน ได้เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด ขณะที่สื่อมวลชนรอทำข่าวตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูลรอง ผบก.ป. กล่าวว่า ให้สอบถามรายละเอียดของคดีกับ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากจะมีการรายงานรายละเอียดต่างๆ ให้ทราบอยู่เเล้ว รองผบ.ตร.สั่งปูพรมหาจยย.คนร้ายบึ้ม3จุดด่วนพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดทำงานสอบสวนในคดี ระเบิด 3 จุด บริเวณซอยปรีดีพนมยงค์ 31-33 และ ถนนสุขุมวิท 71 ได้สั่งการทางวิทยุสื่อสารตำรวจ ภายหลังจากประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สน.คลองตัน นานกว่า 4 ชั่วโมง โดยมีคำสั่งให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ พ.ต.อ.พชร บุญญสิทธิ์ รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1, กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 และกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ พล.ต.ต.กฤษฎิ์ เปียแก้ว รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ปูพรมตรวจหารถจักรยานยนต์ต้องสงสัยยี่ห้อ ยามาฮ่า มีโอสีดำ กนต 648 อ่างทอง ของคนร้าย ที่เจ้าหน้าที่คาดว่ามีมากกว่า 1 คัน ที่สามารถตรวจยึดมาได้ก่อนหน้านี้ ในท้องที่ของ สน.คลองตัน ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ประสานขอความร่วมมือไปยังวินรถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ต่างๆ ให้ช่วยตรวจหา และแจ้งให้ทราบโดยเร่งด่วน สตช.เผยปานศิริกำชับพฐ.ดูหลักฐานบึ้มเพิ่มพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิด 3 จุด ถนนสุขุมวิท 71 หลังประชุมที่ สน.คลองตัน ว่า ที่ประชุมกำชับให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบภาชนะ เช่น วิทยุทรานซิสเตอร์ที่คนร้ายเตรียมไว้ใส่ระเบิดซีโฟร์ ใบเสร็จรับเงิน กระดาษ เศษโลหะที่พบใน 7 จุด ที่เกิดเหตุ ทั้งบ้านเช่า จุดระเบิดรถแท็กซี่ จุดระเบิดหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา โรงแรมที่พัทยา อพาร์ตเมนต์นาซ่า เวกัส เพื่อหาที่มาที่ไปของวัตถุพยานดังกล่าว ขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนขับแท็กซี่ ผู้ค้าตามตรอก ซอก ซอยต่างๆ หากพบสติกเกอร์ที่มีข้อความภาษาอังกฤษที่เคยตรวจพบ ให้แจ้งตำรวจไปตรวจสอบ ขณะที่ พล.ต.อ.ปานศิริ สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ประสานไปยังกรุงเทพมหานคร และบริษัทห้างร้าน ในจุดที่พบสติกเกอร์ตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังอย่างน้อย 2 เดือน เพื่อหาเบาะแสคนร้ายที่นำมาติด โดยยอมรับว่ามีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสผู้เอามาติดบ้างแล้ว แต่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ส่วนกรณีกลุ่ม MKO เข้ามาเคลื่อนไหวก่อเหตุในไทย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า ทางสันติบาลกำลังตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด