สภาเห็นควรลงมติร่างรัฐธรรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ
จากข้อโต้แย้งในที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่าจะแยกหรือรวมการพิจารณาร่าง รธน. ทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งประกอบด้วยร่างของรัฐบาลร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างพรรคชาติไทยพัฒนา ที่จะมีการพิจารณานั้น ที่ประชุมมีมติ 359 เสียง ให้รวมการพิจารณาร่างทั้ง 3 ฉบับเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า การลงมตินั้น ควรแยกการลงมติทีละร่าง และให้ขณะนี้ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เสนอร่างแก้ไข รธน. ของพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นร่างแรก โดยระบุว่า ควรแก้ไข รธน. ทั้งฉบับ เพราะที่ผ่านมานั้น มีข้อโต้แย้งว่า รธน. ฉบับปี 2540 ให้อำนาจฝ่ายบริหารมากเกินไป ขณะที่ปี 2550 ทำให้พรรคการเมือง มีความอ่อนแอและองค์กรอิสระขาดการเชื่อมต่อกับประชาชน และที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดรัฐประหาร ก็มีการแก้ไข รธน. ทีละประเด็น โดยมีข้อสงสัยทุกครั้งว่า เป็นการทำเพื่อคนๆ เดียว หรือไม่ จึงทำให้มีปัญหามาโดยตลอด จึงเห็นควรให้มีการแก้ไข รธน. ทั้งฉบับ โดยให้มี สสร. ขึ้นมา และให้อำนาจกับรัฐสภา เป็นผู้สรรหา สสร. จำนวน 22 คน และให้รวมกับ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้ง 99 คน ดำเนินการยกร่าง รธน. ขึ้นมา ทั้งนี้ ระหว่างการยกร่าง รธน. ให้ฟังเสียงประชาพิจารณ์จากประชา และเมื่อร่างเสร็จแล้วให้เสนอกลับมายังรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภา พิจารณาหากเห็นด้วยให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ทันที แต่หากรับ สภาไม่เห็นด้วย ให้นำร่าง รธน. ดังกล่าว ทำประชาพิจารณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นายชุมพล อยู่ระหว่างการอภิปรายข้อดีข้อเสีย ของ รธน. แต่ละฉบับให้ต่อที่ประชุม ได้รับ พร้อมทั้งยืนยันจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนา ให้นำข้อดีของ รธน. แต่ละฉบับมารวมกัน และเพิ่มข้อที่คิดว่าบกพร่องเข้าไป