BTSเต้นสอบรปภ.ทำร้ายฝรั่งหัวแตกฉุนถือลูกโป่งขึ้นรถ

BTSเต้นสอบรปภ.ทำร้ายฝรั่งหัวแตกฉุนถือลูกโป่งขึ้นรถ

BTSเต้นสอบรปภ.ทำร้ายฝรั่งหัวแตกฉุนถือลูกโป่งขึ้นรถ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริหารบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กล่าวถึงกรณีเหตุทะเลาะวิวาท ระหว่าง พนักงานรักษาความปลอดภัยของรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพร้อมพงษ์ และครอบครัวชายชาวต่างชาติว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ทราบว่า ครอบครัวของชายชาวต่างชาติ ไปฉลองลูกสาวจบการศึกษา ชั้นอนุบาล 3 และในมือถือช่อตุ๊กตาและลูกโป่ง 5 ใบ ขึ้นมาจากสถานีสุรศักดิ์ และมาเปลี่ยนรถที่ สถานีสยาม เพื่อไปสายสุขุมวิท ไปลงที่ สถานีพร้อมพงษ์ เพื่อไปรับประทานอาหาร จากนั้นก็ได้ขึ้นมาอีกรอบ เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัย เห็นว่ามีการถือลูกโป่งเข้ามา เกรงว่าจะเป็นอันตรายกับผู้โดยสารท่านอื่น จึงเข้าไปห้ามปราม แต่ก็มีการทะเลาะวิวาทกันตามที่ปรากฏในคลิป  และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ทางบีทีเอส จะดำเนินการ ใน 3 ด้าน คือ ทางด้านคดี ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะทั้ง 2 ฝ่าย มีสิทธิ์ที่จะแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากเป็นผู้เสียหายทั้งคู่  ส่วนที่ 2 คือ การตรวจสอบทางวินัยของพนักงานว่า มีความบกพร่องในหน้าที่หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่า พนักงานที่เกี่ยวข้องจะถูกลงโทษหรือไม่อย่างไร ต้องตรวจสอบก่อน และส่วนสุดท้าย คือ บีทีเอส พร้อมที่จะเยียวยา เพื่อให้ฝ่ายผู้โดยสารเกิดความสบายใจขึ้น แต่ไม่เกี่ยวกับรูปคดี ตร.เตรียมเชิญต่างชาติ-รปภ.BTSพร้อมพงษ์สอบ พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ กล่าวถึงกรณี มีการโพสต์คลิป ชายชาวต่างชาติ ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัย รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพร้อมพงษ์ ทำร้ายร่างกาย ที่กำลังโลดแล่นในโลกของยูทูป ขณะนี้ว่าล่าสุดทางคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ทองหล่อ แล้ว ขั้นตอนต่อไปเตรียมจะเรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงเตรียมประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT เพื่อติดตามคนที่โพสต์คลิปในยูทูป มาสอบสวนในฐานะพยานที่เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุด้วยอย่างไรก็ตาม ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เปิดเผยอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งตนได้เห็นคลิปทางยูทูปแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดกันมากกว่า จนทำให้เกิดปัญหาขึ้น วิดีโอคลิปภาพเหตุการณ์ต่างชาติ-รปภ.BTSพร้อมพงษ์ http://www.youtube.com/watch?v=gPrur8x7ktI&feature=youtu.be ผบช.น.สั่งสอบชาวต่างชาติ-รปภ.บีทีเอสพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  กล่าวถึงกรณี ชายชาวต่างชาติ ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัย ประจำสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส  สถานีพร้อมพงษ์ ทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะถือลูกโป่ง จำนวน 5 ลูก ขึ้นไปใช้บริการรถไฟฟ้า  เพื่อที่จะนำไปฉลองให้แก่บุตรสาว ที่จบการศึกษา ชั้นอนุบาล 3 ว่า เรื่องดังกล่าว  จะให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาสอบปากคำเพิ่มเติม  ซึ่งเบื้องต้น จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย รปภ. คนดังกล่าวไว้ก่อน เนื่องจากต้องรอผลการตรวจร่างกาย จากแพทย์ผู้รักษา นอกจากนี้ ยังกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ ไม่สามารถทำร้ายร่างกายประชาชนได้ แม้จะมีการทำผิดกฎก็ตาม ซึ่งทำได้เพียงกล่าวตักเตือนเเละกักบริเวณ ไม่ให้เข้าไปใช้บริการเท่านั้น บีทีเอส ส่ง กล้องวงจรปิดสถานีพร้อมพงษ์ ให้ ตร. สอบพันตำรวจเอกรัฐศักดิ์ รักสลาม ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เปิดเผย ความคืบหน้าล่าสุดว่าทางสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมพงษ์ ได้ส่งภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ตรวจสอบกรณี นายประสาน ถาวงษ์กลาง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนสถานีดังกล่าว มีเรื่องกระทบกระทั่งกับ นายจอห์น บีฮัน ชาวไอร์แลนด์ ขณะห้ามนำลูกโป่งเข้ามายังบริเวณสถานีรถไฟฟ้า โดยพบว่า ยังมีเจ้าหน้าที่คนอื่นอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งเรียกเข้ามาสอบปากคำต่อไป พร้อมนัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้ามาเจรจากัน เนื่องจากเชื่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความไม่เข้าใจของทั้งสองฝ่าย แต่ในส่วนของคดีก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย โดยอยู่ระหว่างรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อระบุว่า นายจอห์น ได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด ก่อนแจ้งข้อหากับ นายประสาน ทั้งนี้สำหรับคดีทำร้ายร่างกาย แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ถึงอันตรายแก่กาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 295 ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและตามมาตรา 297 ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส เช่น ถึงขั้นตาบอดสูญเสียอวัยวะ หรือต้องรักษาตัวนานเกิน 20 วัน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี 
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook