สธ. ฟันวินัยร้ายแรงผอ.รพ.ทองแสนขัน 9เภสัชเอี่ยวซูโดหาย

สธ. ฟันวินัยร้ายแรงผอ.รพ.ทองแสนขัน 9เภสัชเอี่ยวซูโดหาย

สธ. ฟันวินัยร้ายแรงผอ.รพ.ทองแสนขัน 9เภสัชเอี่ยวซูโดหาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราขการพลเรือน กระทรวงสาธารณสุข หรือ อ.ก.พ. เพื่อพิจารณาลงโทษทางวินัยกับเภสัชกร และผู้อำนวยการโรงพยาบาล ที่เกี่ยวข้องกับกรณียาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน หายออกไปจากระบบของโรงพยาบาลว่า โรงพยาบาลที่ถูกนำเสนอเข้าที่ประชุม อ.ก.พ. เพื่อพิจารณาลงโทษนั้น มีทั้งหมด 8 โรงพยาบาล ประด้วย โรงพยาบาลอุดรธานี, โรงพยาบาลทองแสนขัน,จ.อุตรดิตถ์, โรงพยาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์, โรงพยาลฮอด โรงพยาลดอยหล่อ จ.เชียงใหม่, โรงพยาบาลภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษโรงพยาบาลหนองกี่ จ.บุรีรัมย์, และโรงพยาบาลเสริมงาม จ.ลำปางทั้งนี้จากการพิจารณาคณะกรรมการ อ.ก.พ. มีมติว่า โรงพยาบาลเสริมงาม จ.ลำปาง ไม่พบความผิดปกติในการเบิกจ่ายยาชนิดดังกล่าว ประกอบกับได้ดำเนินการไปตั้งแต่ปีที่แล้ว จึงทำให้เหลือพิจารณาความผิดเพียง 7 โรงพยาบาล  และพบว่ามีผู้กระทำผิดวินัยร้ายแรง จำแนกเป็นเภสัชกร 9 ราย และเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองแสนขัน 1 ราย รวม 10 ราย ขณะที่ผู้กระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง มีจำนวน 6 ราย โดย 1 ในนั้นเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสยซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ทางกระทรวงจะแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 10 ราย พร้อมให้เวลาในการชี้แจงทั้งทางวาจา และลายลักษณ์อักษรภายใน 1 เดือน ส่วนเรื่องการดำเนินคดีอาญานั้น จะเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอทั้งนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนว่าระบบการจ่ายยาของกระทรวงสาธารณสุขยังมีประสิทธิภาพ เมื่อนำไปเปรียบเทียบ เนื่องจากมีโรงพยาบาลเพียง 8 แห่งจาก 845 แห่ง เท่านั้นที่ตกเป็นข่าว พบซูโดหายแสนเม็ดรพ.ในกทม.-สอบรพ.สันทรายไม่ผิดนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยกระดับซูโดอีเฟดรีน ว่า เมื่อวานที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการตีความเรื่องดังกล่าว เห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ไม่มีอำนาจในการยกระดับด้วยตนเอง ในวันนี้ ทาง น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการวัตถุเสพติดและออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เพื่อพิจารณาในการดำเนินการต่อไป ซึ่งคาดว่าทางที่ประชุมน่าจะมีมติอนุมัติให้ยกระดับยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ขึ้นมาเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภทที่ 2 โดยหากมีมติแล้วทางปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะต้องนำเรียนรัฐมนตรี และทำการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีสภาพบังคับใช้ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการของคณะทำงานป้องกันและปราบปรามฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด ในการตรวจสอบกรณียาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน หายออกไปจากระบบของโรงพยาบาลจำนวนมากนั้น ล่าสุดพบว่า มีการตรวจพบยาซูโดอีเฟดรีน หายออกไปจากระบบของโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นหลักแสน ถึง 1 ล้านเม็ด ซึ่งจะได้มีการนำเรียนรัฐมนตรี พร้อมกับแถลงข่าวต่อไปอย่างไรก็ตาม ทางคณะทำงานของตนนั้น ยังเดินหน้าตรวจสอบความผิดปกติเรื่องยาซูอีเฟรดรีน อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะมีการตรวจสอบซ้ำในโรงพยาบาลบางแห่งที่ยังคงพบพิรุธอยู่ด้วย ตร.บุกค้นโกดังร้านยาเชียงใหม่ยึดยาซูโดน้ำกว่า6.5พันขวด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค 5 นำกำลังเข้าตรวจค้นโกดังเก่าร้านขายยา หลังตลาดอ้อมเมืองโพธิ์ ถนนมหิดล อำเภอเมืองเชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจาก เภสัชกร ว่าที่ ร.ต.เมธี พลอาจ เจ้าของร้านขายยาอ้อมเมืองเภสัช และเป็นเภสัชกรประจำโรงพยาบาลนครพิงค์ ว่า เก็บยาแก้หวัดไว้ในโกดังเก็บของ โดย ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ นายวิชัย ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5  ได้เดินทางไปตรวจสอบ พบกล่องบรรจุยาแก้หวัดชนิดน้ำ ยี่ห้อซูลิดีน (sulidine) นาโซลิน (Nasolin) ประมาณ 6,500 ขวด ซึ่ง เภสัชกรเมธี ระบุว่า ได้สั่งมาจากบริษัทยาที่กรุงเทพมหานคร โดยสั่งซื้อครั้งละ 10 กล่อง และเมื่อเดือนตุลาคม ทางบริษัทส่งยาให้มากถึง 100 กล่อง ประกอบกับมีการห้ามจำหน่ายยาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน เมื่อเดือนธันวาคม จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ เพราะเกรงจะมีความผิด ซึ่งขณะนี้ ทางสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ก็แจ้งไปยังสถานพยาบาล และร้านขายยาต่างๆ ในจังหวัด ที่มียาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนไว้ในครอบครอง ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ตั้งกรรมการลงสอบยาแก้หวัดทุกพื้นที่ภายหลังการเข้าตรวจสอบโกดัง ร้านขายยากลางเมืองเชียงใหม่ พบ ยาแก้หวัดชนิดน้ำ ที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน กว่า 6,000 ขวดนั้น หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางจังหวัดได้แต่งตั้งคณะทำงานประกอบด้วย ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 5 เจ้าหน้าที่องค์การอาหารและยา จังหวัดเชียงใหม่ ทำการตรวจสอบทุกพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่  เรื่องการจำหน่ายและซุกซ่อน ซึ่งยาเหล่านี้เคยได้รับความนิยมในตลาด แต่ปัจจุบันได้ถูกระงับตามกฎหมาย เพราะมีส่วนผสมที่สามารถเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ซึ่งการตรวจครั้งนี้ เราก็ยังไม่ชี้ชัดว่า เจ้าของที่นำของมาไว้ผิดหรือไม่ แม้จะยืนยันหลักฐานที่มา ก็ต้องตรวจทำการตรวจสอบต่อไป ทั้งการสั่งยา ว่าสั่งแบบไหน ส่งขายใครและมีใบอนุญาตหรือไม่ เชื่อว่า ยังมีอีกหลายแห่งไม่เฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ก็อยากแจ้งเตือนผู้ประกอบการ ร้านขายยา คลินิกต่าง ๆ หากใครมียาเหล่านี้ครอบครองเกินจากที่กฎหมายกำหนด และอยากจะส่งคืนก็ให้แจ้งความประสงค์มาที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้ หากไม่ทำก็อาจจะมีความผิดตามกฎหมายด้าน เภสัชกรเมธี พลอาจ เจ้าของโกดังเก็บยา ระบุว่าไม่เคยทราบมาก่อนว่า จะต้องแจ้งปริมาณยาในการนำส่งคืน แต่ก็ได้ระงับการจำหน่ายไปแล้ว หลังประกาศห้าม ส่วนยาที่เก็บไว้ เพื่อรอส่งคืนบริษัทยาเท่านั้น ผลสอบซูโดฯร.พ.สันทรายไม่พบผิดปกติ-DSIร่วมสอบวันนี้  ความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีความผิดปกติของยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ที่โรงพยาบาลสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุด ทพ.ดร.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า ไม่พบความผิดปกติในปริมาณการสั่งซื้อและจ่ายยาเป็นปกติ มีความเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อนในข้อมูลเท่านั้น ซึ่งได้สรุปเสนอไปยังกระทรวงสาธารณสุขแล้ว บ่ายวานนี้ (29 มี.ค.) ทำให้เวลานี้พบความผิดปกติเพียง 2 โรงพยาบาลก่อนหน้าเท่านั้น คือ โรงพยาบาลอำเภอฮอด ที่ยาหายไป โดยกรรมการส่วนกลาง กำลังทำการสอบสวน และวันนี้ (30 มี.ค.) จะมีดีเอสไอเข้าร่วมด้วย ส่วนกรณีโรงพยาบาลดอยหล่อ ก็เริ่มสอบสวนเภสัชกรที่สั่งซื้อยาไม่ผ่านระบบแล้วตั้งแต่วานนี้ คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์ น่าจะสรุปผลได้ เพราะมีหลักฐานชัดเจน แต่ก็อาจจะไม่เกี่ยวโยงกับขบวนการยาเสพติด เพราะสั่งซื้อไปจำหน่ายในร้านขายยาตนเอง ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ขณะเดียวกัน ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าร่วมตรวจสอบกรณีที่พบแผงยาอีกลอตล่าสุดที่ อ.สันกำแพง โดยเฉพาะแหล่งที่มา เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา และจะทราบผลโดยเร็วเช่นกัน "พสิษฐ์"เผยพบซูโดฯร.พ.ในกทม.หายเฉียดล้านเม็ดนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยกระดับซูโดอีเฟดรีน ว่า เมื่อวานที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการตีความเรื่องดังกล่าว เห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ไม่มีอำนาจในการยกระดับด้วยตนเอง ในวันนี้ ทาง น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการวัตถุเสพติดและออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เพื่อพิจารณาในการดำเนินการต่อไป ซึ่งคาดว่าทางที่ประชุมน่าจะมีมติอนุมัติให้ยกระดับยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ขึ้นมาเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภทที่ 2 โดยหากมีมติแล้วทางปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะต้องนำเรียนรัฐมนตรี และทำการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีสภาพบังคับใช้ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการของคณะทำงานป้องกันและปราบปรามฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด ในการตรวจสอบกรณียาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน หายออกไปจากระบบของโรงพยาบาลจำนวนมากนั้น ล่าสุดพบว่า มีการตรวจพบยาซูโดอีเฟดรีน หายออกไปจากระบบของโรงพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นหลักแสน ถึง 1 ล้านเม็ด ซึ่งจะได้มีการนำเรียนรัฐมนตรี พร้อมกับแถลงข่าวต่อไปอย่างไรก็ตาม ทางคณะทำงานของตนนั้น ยังเดินหน้าตรวจสอบความผิดปกติเรื่องยาซูอีเฟรดรีน อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะมีการตรวจสอบซ้ำในโรงพยาบาลบางแห่งที่ยังคงพบพิรุธอยู่ด้วย ดีเอสไอ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สอบเพิ่มซูโดฯนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เดินทางไปพื้นที่ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ ที่ทาง ร.พ.ภูสิงห์ ได้เข้าแจ้งความไว้ เพื่อรับสำนวน การสอบสวนกรณียาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน หายไปจาก ร.พ.ภูสิงห์ กว่า 250,000 เม็ดนั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ทาง จ.ศรีสะเกษ แต่งตั้งขึ้น อยู่ระหว่างการสอบสวน ในส่วนของสำนวนที่ทางโรงพยาบาลได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้วนั้นในขณะนี้ ร.ต.อ.พิชิต เฉียบแหลม หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ เจ้าของคดีนี้ ได้เก็บสำนวน รวมทั้งข้อเท็จจริงจากผู้เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นแล้ว และกำลังรอนำเสนอต่อที่ประชุมของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 2 เม.ย. 2555 นี้ ซึ่ง สภ.ภูสิงห์ จะได้ส่ง พนักงานสอบสวนเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย    นายอังศุเกติ์ กล่าวว่า จะได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นนี้ ในวันที่ 2 เม.ย. 2555 ที่จะถึงนี้ จากนั้น ตนก็จะเดินทางไปรับทราบผลการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ทาง จ.ศรีสะเกษ มีคำสั่งแต่งตั้งขึ้นมาทำงานนี้ว่า คืบหน้าอะไรไปบ้างแล้ว     
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook