ตร.จ่อออกหมายจับ5นร.ช่างยิงเมล์สาย59เร่งสอบพยาน
พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สน.ดอนเมือง กล่าวถึงความคืบหน้า คดีกรณีเกิดเหตุนักเรียนช่าง ใช้อาวุธปืนไล่ยิงคู่อริบนรถโดยสารประจำทาง สาย 59 จนมีประชาชนถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บว่า ขณะนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างการดำเนินการเรียกสอบพยาน ส่วนที่มีข่าวว่ามีการนำผู้ต้องสงสัย 5 คน ที่มีลักษณะตรงกับภาพวงจรปิดมาสอบสวนนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ใช่ เป็นกลุ่มพยานเด็กเทคนิค อาจารย์ รปภ. รวมทั้ง พยานบนรถเมล์ และที่ป้ายรถเมล์ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อาการดีขึ้นจนสามารถให้การได้ เราก็จะเร่งทำการสอบสวนเพิ่มเติมด้วย ส่วนการออกหมายจับต้องรอสอบสวนพยานให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนก่อน ซึ่งอาจดำเนินการขอหมายจับได้วันนี้ หากผลการสอบพยานเป็นที่น่าพอใจ ตร.รอสอบ2พยานก่อนออกหมายจับมือยิงรถเมล์สาย59พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 เปิดเผยความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุ นักเรียนช่างใช้อาวุธปืน ไล่ยิงคู่อริต่างสถาบัน บนรถโดยสารประจำทางสาย 59 วิ่งระหว่าง รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าพอสมควร ทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และการสอบพยานเเวดล้อมต่าง ๆ มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น โดยในวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้มีการนัดการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 2 ปาก ซึ่งถือว่าเป็นพยานที่สำคัญจะนำไปสู่การออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ ซึ่งหากการสอบปากคำเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และพบว่ามีข้อมูลและหลักฐานสมบูรณ์ที่ชี้ชัดถึงตัวผู้ก่อเหตุก็จะมีการพิจารณาออกหมายจับทันที เบื้องต้น จะมีการออกหมายจับผู้ก่อเหตุดังกล่าวก่อน 1 ราย ที่เป็นนักศึกษาของสถาบัน ย่านดอนเมือง รวบ53นร.เทคนิคขนอาวุธเตรียมล้างแค้นอริ พ.ต.ท.สกล สิทธิวิชัย รอง ผกก.ป.สภ.บางพลี เปิดเผยว่า สามารถจับกุมนักเรียนเทคนิค ย่านบางพลี จำนวน 53 คน ที่เตรียมจะไปก่อเหตุยกพวกตีกับโรงเรียนคู่อริ พร้อมอาวุธครบมือเป็น ปืนปากกา 2 กระบอก กระสุนขนาด .22 จำนวน 2 นัด ระเบิดปิงปอง 3 ลูก มีด 13 เล่ม และขวาน 5 ด้าม โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณทางเข้าวัดหลวงพ่อโต ถ.บางนา-ตราด กม. 13 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการทั้งนี้ จากการประสานข้อมูลกับฝ่ายปกครองของนักเรียนโรงเรียนที่ถูกจับกุม พบว่าเตรียมก่อเหตุกับนักเรียนโรงเรียนช่างคู่อริ ซึ่งเป็นแผนป้องปรามเหตุลักษณะนี้ที่มีการเฝ้าระวัง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง โดยนักเรียนทั้ง 53 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ทางตำรวจจะทำการสอบสวนก่อน โดยผู้ที่มีอาวุธจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมนำนักเรียนทั้งหมดทำประวัติและลงบันทึกประจำวันไว้ จากนั้นจะเชิญผู้ปกครอง มารับตัวกลับ ตร.บางนารวบนร.กว่า40คนบนรถเมล์อาวุธอื้อ ตำรวจจราจร สน.บางนา ช่วยกันจับกุมกลุ่มนักเรียนขาสั้นได้กว่า 40 คน ที่โดยสารมากับ รถ ขสมก.สาย 25 สีครีมแดง วิ่งระหว่าง ท่าช้าง-ปากน้ำ ทะเบียน 10-9820 กรุงเทพมหานคร โดยสามารถสกัดจับได้ที่ แยกบางนา ถ.สุขุมวิท พบ นักเรียนชั้น ม.1-ม.5 อายุระหว่าง 14-17 ปี ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านคลองเตย จากการตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ระเบิดไดนาไมต์ 1 ลูก กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 นัด มีดดาบ 10 เล่ม และขวานอีก 2 เล่ม จึงควบคุมตัวทั้งหมด พร้อมของกลางเดินทางไปสอบสวนที่ สน.บางนา พ.ต.อ.กัญชล เปิดเผยว่า เบื้องต้น ได้เชิญผู้ปกครองและอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนดังกล่าว มาร่วมทำการสอบสวนแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีนักเรียนคนใดยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้พกพาอาวุธขึ้นบนรถโดยสาร และ จากการพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กบางราย ทราบว่าสาเหตุที่บุตรหลานของตนเองต้องพกพาอาวุธไปโรงเรียนด้วยนั้น เนื่องจากที่ผ่านมามักมีเด็กนักเรียนคู่อริต่างสถาบัน คอยดักซุ่มรุมทำร้ายเสมอ ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา นักเรียนก็เพิ่งมีเรื่องไล่ตีกันในห้างสรรพสินค้าย่านสุขุมวิท 50 โชคดีที่ตำรวจ สน.พระโขนง เข้าระงับเหตุได้ทัน ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย คำรณวิทย์ ขอรวมหลักฐาน ก่อนออกหมายจับพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุการณ์นักเรียนนักเลง ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่คู่อริบนรถเมล์สาย 59 จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้คดีความคืบหน้าไปมาก โดยจากการตรวจสอบพบว่า กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงนั้น สามารถจับภาพกลุ่มผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงจากการสอบปากคำแวดล้อม ก็ให้การไปในทิศทางเดียวกัน จึงเชื่อว่า จะสามารถจับกุมผู้กระทำผิดดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ส่วนขั้นตอนของการออกหมายจับนั้น ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ โดยจะออกหมายจับผู้ต้องหา ในข้อหาที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะพิจารณาจากภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ตร.ปทุมฯจับอีก4นักเรียนอาชีวะเตรียมถล่มอริศูนย์วิทยุ สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุมีเด็กนักเรียนพกพาอาวุธมีดจำนวนหลายคน เตรียมก่อเหตุกับนักเรียนโรงเรียนอาชีวะอื่น หน้าเมืองนวนคร จึงได้ประสานกับ ด.ต.ประดิษฐ์พงษ์ ศิริวัฒน์ สายตรวจรถยนต์นวนคร พร้อมนำกำลังไปยังจุดแจ้งเหตุ พบกลุ่มเด็กนักเรียนอาชีวะหลายสิบคน พกพาอาวุธมีด เตรียมการก่อเหตุอยู่หน้าเมืองป้ายรถเมล์ต่างจังหวัด ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อกลุ่มเด็กนักเรียนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้แตกตื่นวิ่งหลบหนีแยกย้ายกันขึ้นรถโดยสารต่างจังหวัดไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมได้ 4 คน เป็นชายล้วน อายุราว 16-18 ปี พร้อมอาวุธมีดจำนวน 4 เล่ม นำส่ง ร.ต.ต.ทศพล กิตติลาภ ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง เปรียบเทียบปรับไปคนละ 100 บาท แล้วทำประวัติเด็กทั้งหมด ซึ่งได้รับว่า พกพามีดติดตัว เนื่องจากมีนักเรียนสถาบันอื่น คอยดักทำร้ายจึงต้องพกพาอาวุธไว้ป้องกันตัว พร้อมให้อาจารย์มารับตัวไป ปิยะเผยเพิ่มโทษดำเนินคดีเข้มนร.นักเลง พลตำรวจตรีปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงเหตุการณ์นักเรียนนักเลงว่า ปัญหานักเรียนตีกัน เกิดจาก 4 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.การครอบงำวัฒนะรรมในทางที่ผิด ครูอาจารย์บางคนไปสร้างอิทธิพลปลูกฝังในทางที่ผิด 2.ดื่มสุรา หัวโจก หรือ เด็กที่ก่อเหตุจะดื่มแอลกอฮอล์แทบทั้งสิ้น 3.อาวุธ ซึ่งเด็กเกเรเหล่านี้จะไปฝากอาวุธไว้ตามร้านค้าแถวโรงเรียน ทางร้านที่เห็นแก่เงินก็จะคิดค่าเช่า วันละ 30-40 บาท โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา 4.ผู้ปกครอง ไม่ใกล้ชิดกับบุตรหลาน ซึ่งถ้าจะแก้ปัญหา ต้องแก้ทั้ง 4 ประเด็นคู่ขนานกันไปพร้อมกัน ส่วนมาตรการทางตำรวจนั้น ต้องเน้นพิเศษที่การคุมเข้มตรวจค้นอาวุธทุกสถาบัน ทุกวัน สม่ำเสมอ ทั้งนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวต่อว่า อยากวอนประชาชน หากพบเห็นเหตุการณ์ที่มีพิรุธ น่าสงสัยว่าจะมีการก่อเหตุให้รีบแจ้งตำรวจทันที เพื่อระงับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที ชาวบ้านผวา!ตกเป็นเหยื่อน.ร.ตีกันบนรถเมล์ ประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง หรือรถเมล์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ กล่าวว่า รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น หากต้องใช้บริการรถเมล์ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา มีนักศึกษาตีกันบนรถเมล์และตามท้องถนนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องต้องถูกลูกหลง โดยบางรายเสียชีวิต และขณะบางรายได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้ต้องเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารชนิดอื่นซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่า ส่วนผู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจำเป็นต้องใช้รถเมล์ในการเดินทาง กล่าวว่า มีความหวาดระแวงมากขึ้น และขณะโดยสารจะไม่กล้าหลับ เพราะต้องคอยสังเกตผู้โดยสารที่ขึ้นมาบนรถ ว่าจะเป็นกลุ่มนักศึกษาที่จะขึ้นมาก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือไม่ จึงอยากให้ทางกรุงเทพมหานคร เร่งหามาตรการป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทบนท้องถนนและรถประจำทาง และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา ส่วนผู้ปกครองและสถานศึกษา ก็ควรควบคุมดูแลบุตรหลานให้ดีกว่านี้