ตร.เตรียมขอหมายจับมือยิงเมล์59หลังได้ภาพสเก็ตซ์แล้ว

ตร.เตรียมขอหมายจับมือยิงเมล์59หลังได้ภาพสเก็ตซ์แล้ว

ตร.เตรียมขอหมายจับมือยิงเมล์59หลังได้ภาพสเก็ตซ์แล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ประชุมความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุยิงนักศึกษาโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย บนรถโดยสารประจำทางสาย 59 โดย พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุแล้วพร้อมมีการออกภาพสเกตช์มือยิง โดยภายในเย็นวันนี้จะมีการขออนุญาตศาลอนุมัติหมายจับทันที หากมีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จ ส่วนจะเป็นเยาวชนหรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด โดยจากการสืบสวนคนร้าย ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า คนร้ายในกลุ่มนี้เคยก่อเหตุยิงนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมธานี ในพื้นที่อำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เบื้องต้น จึงมีการแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ได้ขอให้ผู้ปกครองที่ทราบว่าบุตรหลานร่วมกันก่อเหตุ ให้ติดต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอเข้ามอบตัวด้วย  ตร.จ่อออกหมายจับ5นร.ช่างยิงเมล์สาย59เร่งสอบพยาน พ.ต.อ.สำราญ  นวลมา ผกก.สน.ดอนเมือง กล่าวถึงความคืบหน้า คดีกรณีเกิดเหตุนักเรียนช่าง ใช้อาวุธปืนไล่ยิงคู่อริบนรถโดยสารประจำทาง สาย 59 จนมีประชาชนถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บว่า ขณะนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างการดำเนินการเรียกสอบพยาน ส่วนที่มีข่าวว่ามีการนำผู้ต้องสงสัย 5 คน ที่มีลักษณะตรงกับภาพวงจรปิดมาสอบสวนนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ใช่  เป็นกลุ่มพยานเด็กเทคนิค อาจารย์  รปภ. รวมทั้ง พยานบนรถเมล์ และที่ป้ายรถเมล์ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อาการดีขึ้นจนสามารถให้การได้ เราก็จะเร่งทำการสอบสวนเพิ่มเติมด้วย  ส่วนการออกหมายจับต้องรอสอบสวนพยานให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนก่อน ซึ่งอาจดำเนินการขอหมายจับได้วันนี้ หากผลการสอบพยานเป็นที่น่าพอใจ  ตร.รอสอบ2พยานก่อนออกหมายจับมือยิงรถเมล์สาย59พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 เปิดเผยความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุ นักเรียนช่างใช้อาวุธปืน ไล่ยิงคู่อริต่างสถาบัน บนรถโดยสารประจำทางสาย 59 วิ่งระหว่าง รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 2 ราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าพอสมควร ทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และการสอบพยานเเวดล้อมต่าง ๆ มีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น โดยในวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้มีการนัดการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 2 ปาก ซึ่งถือว่าเป็นพยานที่สำคัญจะนำไปสู่การออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ ซึ่งหากการสอบปากคำเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และพบว่ามีข้อมูลและหลักฐานสมบูรณ์ที่ชี้ชัดถึงตัวผู้ก่อเหตุก็จะมีการพิจารณาออกหมายจับทันที เบื้องต้น จะมีการออกหมายจับผู้ก่อเหตุดังกล่าวก่อน 1 ราย  ที่เป็นนักศึกษาของสถาบัน ย่านดอนเมือง รวบ53นร.เทคนิคขนอาวุธเตรียมล้างแค้นอริ พ.ต.ท.สกล  สิทธิวิชัย รอง ผกก.ป.สภ.บางพลี เปิดเผยว่า สามารถจับกุมนักเรียนเทคนิค ย่านบางพลี จำนวน 53 คน ที่เตรียมจะไปก่อเหตุยกพวกตีกับโรงเรียนคู่อริ พร้อมอาวุธครบมือเป็น ปืนปากกา 2 กระบอก กระสุนขนาด .22 จำนวน 2 นัด ระเบิดปิงปอง 3 ลูก มีด 13 เล่ม และขวาน 5 ด้าม โดยสามารถจับกุมได้ที่ บริเวณทางเข้าวัดหลวงพ่อโต ถ.บางนา-ตราด กม. 13 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการทั้งนี้ จากการประสานข้อมูลกับฝ่ายปกครองของนักเรียนโรงเรียนที่ถูกจับกุม พบว่าเตรียมก่อเหตุกับนักเรียนโรงเรียนช่างคู่อริ ซึ่งเป็นแผนป้องปรามเหตุลักษณะนี้ที่มีการเฝ้าระวัง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง โดยนักเรียนทั้ง 53 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ทางตำรวจจะทำการสอบสวนก่อน โดยผู้ที่มีอาวุธจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมนำนักเรียนทั้งหมดทำประวัติและลงบันทึกประจำวันไว้ จากนั้นจะเชิญผู้ปกครอง มารับตัวกลับ ตร.บางนารวบนร.กว่า40คนบนรถเมล์อาวุธอื้อ ตำรวจจราจร สน.บางนา ช่วยกันจับกุมกลุ่มนักเรียนขาสั้นได้กว่า 40 คน ที่โดยสารมากับ รถ ขสมก.สาย 25 สีครีมแดง วิ่งระหว่าง ท่าช้าง-ปากน้ำ ทะเบียน 10-9820 กรุงเทพมหานคร โดยสามารถสกัดจับได้ที่ แยกบางนา ถ.สุขุมวิท พบ นักเรียนชั้น ม.1-ม.5 อายุระหว่าง 14-17 ปี ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านคลองเตย จากการตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง 2 นัด ระเบิดไดนาไมต์ 1 ลูก กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 นัด มีดดาบ 10 เล่ม และขวานอีก 2 เล่ม จึงควบคุมตัวทั้งหมด พร้อมของกลางเดินทางไปสอบสวนที่ สน.บางนา พ.ต.อ.กัญชล เปิดเผยว่า เบื้องต้น ได้เชิญผู้ปกครองและอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนดังกล่าว มาร่วมทำการสอบสวนแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีนักเรียนคนใดยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้พกพาอาวุธขึ้นบนรถโดยสาร และ จากการพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กบางราย ทราบว่าสาเหตุที่บุตรหลานของตนเองต้องพกพาอาวุธไปโรงเรียนด้วยนั้น เนื่องจากที่ผ่านมามักมีเด็กนักเรียนคู่อริต่างสถาบัน คอยดักซุ่มรุมทำร้ายเสมอ ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา นักเรียนก็เพิ่งมีเรื่องไล่ตีกันในห้างสรรพสินค้าย่านสุขุมวิท 50 โชคดีที่ตำรวจ สน.พระโขนง เข้าระงับเหตุได้ทัน ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย คำรณวิทย์ ขอรวมหลักฐาน ก่อนออกหมายจับพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุการณ์นักเรียนนักเลง ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่คู่อริบนรถเมล์สาย 59 จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้คดีความคืบหน้าไปมาก โดยจากการตรวจสอบพบว่า กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงนั้น สามารถจับภาพกลุ่มผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงจากการสอบปากคำแวดล้อม ก็ให้การไปในทิศทางเดียวกัน จึงเชื่อว่า จะสามารถจับกุมผู้กระทำผิดดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ส่วนขั้นตอนของการออกหมายจับนั้น ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้ โดยจะออกหมายจับผู้ต้องหา ในข้อหาที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะพิจารณาจากภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด  ตร.ปทุมฯจับอีก4นักเรียนอาชีวะเตรียมถล่มอริศูนย์วิทยุ สภ.คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุมีเด็กนักเรียนพกพาอาวุธมีดจำนวนหลายคน เตรียมก่อเหตุกับนักเรียนโรงเรียนอาชีวะอื่น หน้าเมืองนวนคร จึงได้ประสานกับ ด.ต.ประดิษฐ์พงษ์ ศิริวัฒน์ สายตรวจรถยนต์นวนคร พร้อมนำกำลังไปยังจุดแจ้งเหตุ พบกลุ่มเด็กนักเรียนอาชีวะหลายสิบคน พกพาอาวุธมีด เตรียมการก่อเหตุอยู่หน้าเมืองป้ายรถเมล์ต่างจังหวัด ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อกลุ่มเด็กนักเรียนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้แตกตื่นวิ่งหลบหนีแยกย้ายกันขึ้นรถโดยสารต่างจังหวัดไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมได้  4 คน เป็นชายล้วน อายุราว 16-18 ปี พร้อมอาวุธมีดจำนวน 4 เล่ม นำส่ง ร.ต.ต.ทศพล กิตติลาภ ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง เปรียบเทียบปรับไปคนละ 100 บาท แล้วทำประวัติเด็กทั้งหมด ซึ่งได้รับว่า พกพามีดติดตัว เนื่องจากมีนักเรียนสถาบันอื่น คอยดักทำร้ายจึงต้องพกพาอาวุธไว้ป้องกันตัว พร้อมให้อาจารย์มารับตัวไป ปิยะเผยเพิ่มโทษดำเนินคดีเข้มนร.นักเลง พลตำรวจตรีปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงเหตุการณ์นักเรียนนักเลงว่า ปัญหานักเรียนตีกัน เกิดจาก 4 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.การครอบงำวัฒนะรรมในทางที่ผิด ครูอาจารย์บางคนไปสร้างอิทธิพลปลูกฝังในทางที่ผิด 2.ดื่มสุรา หัวโจก หรือ เด็กที่ก่อเหตุจะดื่มแอลกอฮอล์แทบทั้งสิ้น  3.อาวุธ ซึ่งเด็กเกเรเหล่านี้จะไปฝากอาวุธไว้ตามร้านค้าแถวโรงเรียน ทางร้านที่เห็นแก่เงินก็จะคิดค่าเช่า วันละ 30-40 บาท โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา 4.ผู้ปกครอง ไม่ใกล้ชิดกับบุตรหลาน ซึ่งถ้าจะแก้ปัญหา ต้องแก้ทั้ง 4 ประเด็นคู่ขนานกันไปพร้อมกัน ส่วนมาตรการทางตำรวจนั้น ต้องเน้นพิเศษที่การคุมเข้มตรวจค้นอาวุธทุกสถาบัน ทุกวัน สม่ำเสมอ ทั้งนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวต่อว่า อยากวอนประชาชน หากพบเห็นเหตุการณ์ที่มีพิรุธ น่าสงสัยว่าจะมีการก่อเหตุให้รีบแจ้งตำรวจทันที เพื่อระงับเหตุการณ์ได้ทันท่วงที ชาวบ้านผวา!ตกเป็นเหยื่อน.ร.ตีกันบนรถเมล์ ประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง หรือรถเมล์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ กล่าวว่า รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น หากต้องใช้บริการรถเมล์ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา มีนักศึกษาตีกันบนรถเมล์และตามท้องถนนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งทำให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องต้องถูกลูกหลง โดยบางรายเสียชีวิต และขณะบางรายได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้ต้องเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารชนิดอื่นซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่า ส่วนผู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจำเป็นต้องใช้รถเมล์ในการเดินทาง กล่าวว่า มีความหวาดระแวงมากขึ้น และขณะโดยสารจะไม่กล้าหลับ เพราะต้องคอยสังเกตผู้โดยสารที่ขึ้นมาบนรถ ว่าจะเป็นกลุ่มนักศึกษาที่จะขึ้นมาก่อเหตุทะเลาะวิวาทหรือไม่ จึงอยากให้ทางกรุงเทพมหานคร เร่งหามาตรการป้องกันเหตุทะเลาะวิวาทบนท้องถนนและรถประจำทาง และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา ส่วนผู้ปกครองและสถานศึกษา ก็ควรควบคุมดูแลบุตรหลานให้ดีกว่านี้  ผอ.เทคนิคดอนเมืองสอบหาคนยิงรถเมล์59 นายวีระเดช เหลืองหิรัญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เปิดเผยภายหลังจากที่ได้สั่งปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราว 1 สัปดาห์ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย ว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบ ว่า ใครเป็นผู้ก่อเหตุยิงนักเรียนโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ เสียชีวิตบนรถเมล์สาย 59 เพื่อความมั่นใจว่า ใช่เด็กของโรงเรียนเทคนิคดอนเมืองหรือไม่ โดยยืนยันว่า เด็กนักเรียนของโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ไม่มีปัญหา ในขณะที่ส่วนตัวมองในแง่ของกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในขณะนี้ว่า อาจจะไม่เข้มงวด เนื่องจากหากผู้กระทำผิดเป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี กฎหมายจะไม่สามารถดำเนินคดีได้ตามประมวลกฎหมายอาญาได้ ซึ่งเมื่อเด็กนักเรียนเหล่านี้ ทราบถึงข้อกฎหมายดังกล่าว ก็จะทำให้ไม่มีความเกรงกลัว ดังนั้นจึงอยากให้เพิ่มความเข้มข้นและเอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้น พร้อมกับอยากให้ครอบครัว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ยืนยันว่า การดำเนินการปิดโรงเรียนชั่วคราว ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือไฟไหม้ฟาง เนื่องจากทางโรงเรียนได้วางมาตรการป้องกันมาอย่างต่อเนื่อง รอง ผอ.เทคนิคดอนเมืองชี้จนท.ควรใช้กม.จริงจังจากกรณีเกิดเหตุกลุ่มนักเรียนนักเลง 5-6 ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่คู่อริบนรถเมล์สาย 59 เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อช่วงเย็น วันที่ 13 มิ.ย. นั้น ด้าน นางยิ่งภัสสร พิมพิสัย รองผู้อำนวยการโรงเรียนฝ่ายพัฒนากิจการนักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง เปิดเผยว่า จากกรณีมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น จึงอยากให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน 2546 (3) คือ การปล่อยปละละเลยให้เด็กไปกระทำผิด ก็ให้ไปดำเนินคดีกับทางผู้ปกครองอย่างจริงจัง ซึ่งเห็นว่ากฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่ได้อ่อน แต่บังคับใช้ไม่เข้มข้นพอ ส่วนปัจจัยที่ทำให้เด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทกันนั้น นางยิ่งภัสสร ระบุว่า ส่วนตัวคิดว่า เกิดจากค่านิยมที่ผิดๆ ขาดภูมิต้านทานในการตอบโต้ หรือปฏิเสธการทำผิด รวมไปถึงความแค้นส่วนตัว นครบาลถกศธ.หาทางออกเด็กตีกันซ้ำซาก พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึง เหตุการณ์นักเรียนอาชีวะที่ก่อเหตุยิงกัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องเรียกว่า กลุ่มที่ก่อเหตุ ถือเป็นอาชญากร เพราะพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ใช่วิสัยของนักเรียนที่พึงกระทำ ขณะที่ เจ้าหน้าที่มีมาตรการต่างๆ ไว้ป้องกันอยู่แล้ว ทั้งการดำเนินการตั้งจุดสกัด ซึ่งเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มอาชีวะและยึดอาวุธได้ ที่บริเวณแยกบางนา รวมถึงมาตรการการตรวจค้นสถานศึกษาและการประสานงานกับครูบาอาจารย์ในโรงเรียนที่มีประวัติการก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทั้งนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประชุมหารือร่วมกับทางกระทรวงศึกษาธิการถึงมาตรการการแก้ไขปัญหาด้วย ซึ่งผลการหารือได้ข้อสรุปว่า หากโรงเรียนใดมีปัญหา จะพิจารณาให้สั่งปิดสถาบันต่อไป เลขาฯ สอศ สรุปมาตรการป้องกันเด็กช่างตีกันสืบเนื่องจากเหตุทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้น ในขณะนี้ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ประชุมหารือกับผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย โดยเฉพาะอาจารย์ฝ่ายปกครองของสถานศึกษาที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งสรุปนโยบายออกมาดังนี้ จัดตั้งศูนย์ย่อยประสานงานจำนวน 4 แห่ง ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 1.กลุ่มจตุจักร ดูแลโดยวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี 2.กลุ่มชัยสมรภูมิ ดูแลโดยวิทยาลัยเทคนิคดุสิต3.กลุ่มธนบุรี ดูแลโดยวิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม 4. กลุ่มสวนหลวง ร.9 ดูแลโดยวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกสมุทรปราการ โดยมีผู้อำนวยการแต่ละวิทยาลัย ทำหน้าที่เป็นประธานของแต่ละศูนย์ สำหรับมาตรการที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนภายนอกวิทยาลัย คือ การมอบครูออกตรวจตามจุดเสี่ยงต่างๆ เช่น ป้ายรถประจำทาง จุดรวมตัวใกล้ๆ สถานศึกษาที่เป็นจุดนับพบ รวมทั้งร้านค้าใกล้สถานศึกษา ซึ่งจะเป็นจุดที่นักศึกษาเอาอาวุธไปฝากไว้และใช้เป็นสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนในวิทยาลัยให้ใช้วิธีเพื่อนดูแลเพื่อน โดยจัดตั้งเครือข่ายนักเรียน นักศึกษา ให้มีการเฝ้าระวัง รับฟังปัญหา รายงานให้ครูที่ปรึกษาทราบ คัดกรองเด็กกลุ่มเสี่ยง และส่งครูเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดรวมทั้งเชิญผู้ปกครองมาพูดคุยให้รับทราบปัญหา และร่วมกันหาวิธีแก้ไข ให้มีการประสานงานเครือข่าย ระหว่างสถาบันเพื่อติดตามสถานการณ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับส่วนกลางในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้รื้อฟื้นเครือข่ายวิทยุสื่อสารมาใช้ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพร้อมเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ รับแจ้งเหตุสายด่วน 1156
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook