นายกตั้งคณะทำงานศึกษานาซาใช้อู่ตะ เภาเน้นความมั่นคง

นายกตั้งคณะทำงานศึกษานาซาใช้อู่ตะ เภาเน้นความมั่นคง

นายกตั้งคณะทำงานศึกษานาซาใช้อู่ตะ เภาเน้นความมั่นคง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ ไม่มีการพิจารณา กรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ องค์การนาซา ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นศูนย์ปฏิบัติการทางอากาศ จากการประชุมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ และหน่วยงานด้านความมั่นคง เมื่อวานนี้ ได้พิจารณาว่า มีประเด็นใดที่น่าเป็นห่วง และต้องศึกษาเพิ่มเติมบ้าง จึงมีข้อสรุปที่จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษารายละเอียด ขณะเดียวกัน พร้อมให้ความร่วมมือในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศ แต่ต้องคำนึงถึงความมั่นคงเป็นหลัก และต้องให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจน จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา และหากจะต้องให้รัฐสภารับทราบ ก็ดำเนินการตามกฎหมาย  'สุกำพล'ยันนาซาใช้อู่ตะเภาได้ประโยชน์มากกว่าเสียเปรียบพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา จะเป็นผู้พิจารณา กรณีที่ องค์การบริหารการบินและยานอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา  มาขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานปฏิบัติการโครงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ และโครงการการศึกษาการก่อตัวของเมฆ ที่มีผลกระทบต่อสภาพอากาศ ว่าเข้าข่ายมาตรา 190 ที่จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาหรือไม่ ขณะเดียวกันย้ำว่า หน่วยงานด้านความมั่นคง ได้พิจารณาตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว ในการอนุญาตให้องค์การนาซา ใช้สถานที่  ซึ่งไม่พบว่ามีการใช้อาวุธที่มีแสนยานุภาพร้ายแรง มีเพียงเครื่องบินและเครื่องมือตรวจสอบสภาพอากาศ อีกทั้ง ประเทศไทย ยังสามารถส่งคนเข้าร่วมได้ทุกขั้นตอน อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ประเทศไทย ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ มากกว่าความเสี่ยง หรือ เสียเปรียบสหรัฐ "ปลอดประสพ" แจง โครงการ"นาซา" ช่วยคำนวณน้ำนายปลอดประสพ สุรัสวัสดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า โครงการศึกษาการก่อตัวของเมฆ ที่มีผลกระทบต่อสภาพอากาศขององค์การบริการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ นาซา เป็นโครงการที่เริ่มในสมัยรัฐบาลปีที่แล้ว ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงวิทยาศาสตร์โดยตรง เพราะเป็นความร่วมมือระหว่างองค์การนาซากับ องค์การบริหารอวกาศของประเทศไทย ซึ่งการสำรวจจะใช้ระยะเวลา 2 เดือน เน้นการสำรวจเมฆและฝุ่นละอองในระยะสูงที่ไทยยังไม่มีเครื่องมือ ซึ่งหากสามารถทำได้จะเป็นประโยชน์เรื่องการคำนวณปริมาณน้ำฝนและป้องกันน้ำท่วม โดย กระทรวงวิทยาศาสตร์ กรมฝนหลวง และหน่วยงานทางวิชาการของไทย จะร่วมสำรวจด้วย และตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด  โดยมีตนเองเป็นประธาน และผู้แทนกองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมเป็นกรรมการ ยืนยันว่า ไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ น.ศ.รามคำแหงไม่เห็นด้วย'นาซา'ใช้สนามบิน จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชน ย่านรามคำแหงซอย 29 ต่อกรณีที่ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา จะมาใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานทัพในการบินสำรวจภูมิอากาศ โดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย หากจะมีการให้ องค์การนาซา เข้ามาใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เนื่องจากอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จากที่ทราบข่าวทางสื่อโทรทัศน์ เห็นว่า คณะรัฐมนตรี จะนำเรื่องดังนี้เข้ามาพิจารณาในวันนี้ มองว่าหากรัฐบาลทำไปแล้วเกิดอะไรขึ้นมา ที่จะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาตินั้น รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ ขณะที่ เพื่อนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงแม้สหรัฐ จะเป็นประเทศมหาอำนาจ ก็ใช่ว่าจะไม่ทำเพื่อประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว หากมีการใช้สนามบินอู่ตะเภาจริง รัฐบาลต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาในระยะยาวด้วย พท. ชี้ "นาซา" ขอใช้อู่ตะเภาในรบ. ที่แล้วนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวว่า การที่ นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมยื่นตรวจสอบ หากอนุญาตให้ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือ นาซา ใช้สนามบินอู่ตะเภา สำรวจการก่อตัวของเมฆ เป็นการค้านไปทุกเรื่อง เพราะเรื่องนี้เริ่มขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีฯต่างประเทศ ออกมาเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ  และนายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ แต่พรรคประชาธิปัตย์ กลับมาตรวจสอบโครงการที่ได้เริ่มต้นไว้เอง ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรค เชื่อว่า การนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา ครม. จะไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 กษิตแถลงเรียกร้องครม.หยุดนาซาใช้อู่ตะเภานายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี ยับยั้งการตัดสินใจกรณีให้สหรัฐอเมริกา ใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภาสำรวจชั้นบรรยากาศ ซึ่งคณะรัฐมนตรี ไม่ควรตัดสินใจเพียงฝ่ายบริหาร แต่ควรนำเข้าที่ประชุมรัฐสภา เพราะเรื่องดังกล่าวอาจเข้าข่าย มาตรา 190 รวมถึง กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม ต้องชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี เสนาธิการสหรัฐอเมริกาเดินทางมาไทย เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา ว่ามีวาระซ่อนเร้นเกี่ยวกับภารกิจขององค์การนาซาหรือไม่ เพราะข้อตกลงเดิมที่ทำไว้สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เป็นภารกิจเพื่อกิจการกู้ภัยพิบัติธรรมชาติ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมระหว่างกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศของไทยและสหรัฐอเมริกา และตกลงเป็นนโยบายของอาเซียนที่กองทัพต่างๆ ของประเทศอาเซียน จะสนับสนุนภารกิจนี้ รวมทั้ง มีการเสนอต่อเลขาธิการสหประชาชาติ เวิลด์ ฟู้ดโปรแกรม องค์การ SAO และหน่วยงานด้านมนุษยธรรม  ซึ่งที่ผ่านมาได้มีความร่วมมือมาตลอด ทั้งนี้เป็นการใช้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อเป็นที่ฝึกอบรม เป็นโกดังเก็บอุปกรณ์ที่จะพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และอาหาร เท่านั้น พนง.ธนาคารค้านนาซาใช้สนามบินอู่ตะเภาน.ส.สุจิตรา บุญยัง พนักงานธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง กล่าวแสดงความไม่เห็นด้วย ที่องค์การนาซา จะมาใช้สนามบินอู่ตะเภา บินสำรวจภูมิอากาศในประเทศไทย เนื่องจากเกรงว่าอาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ถึงแม้จะมาประจำการเพียงไม่กี่เดือน ทำไมต้องเอาข้อมูลประเทศไปแลกกับองค์กรนาซา หากมองผิวเผินเหมือนอาจดูไม่มีผลกระทบอะไร ที่ต่างประเทศมาบินสำรวจสภาพภูมิประเทศของไทย แต่ในวันข้างหน้าใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดสงครามใดขึ้นอีก ซึ่งส่วนตัว ในฐานะประชาชนคนไทย ไม่ได้เห็นแตกต่างว่า นักวิทยาศาสตร์ หรือ กรมอุตนิยมวิทยาของไทย ก็สามารถที่จะพยากรณ์อากาศที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับนานาประเทศ โดยข้อมูลทางอากาศที่เสียไปครั้งนี้ อาจไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้รับ อย่างไรก็ตาม น.ส.สุจิตรา กล่าวอีกว่า ยังมีอีกหลายโครงการที่สุ่มเสี่ยง เช่น โครงการที่ประเทศจีนสนับสนุนเงินลุ่มน้ำโขง ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน 'ศันสนีย์'ยันครม.ไม่ถกปมนาซาขอใช้อู่ตะเภา น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ในวันนี้ ไม่ได้มีการพิจารณากรณีที่องค์การนาซา ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการเก็บข้อมูลด้านสภาพอากาศ เป็นเวลา 2 เดือน ทั้งนี้ เนื่องจากต้องรอการหารือของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงฝ่ายความมั่นคงด้วย และคงจะมีการเสนอในครั้งต่อไป ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติการขยายเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งประกอบไปด้วย จ.นราธิวาส จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. - 19 ก.ย. 2555 โดยมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จัดทำรายละเอียดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นรายอำเภอ โดยละเอียดในสถิติที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อเหตุการณ์ปะทะ การสูญเสีย ตั้งแต่ 3 รอบเดือนที่ผ่านมา ปธ.สภา ชี้ เป็นดุลพินิจ ครม. ไม่ชงสภา เรื่องอู่ตะเภานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีที่สหรัฐอเมริกา ขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี นั้น ถือเป็นดุลพินิจของคณะรัฐมนตรี ว่าจะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาและเห็นชอบของสภา ตามมาตรา 190 หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบถึงเนื้อหา จึงไม่ขอวิจารณ์ และเบื้องต้นยังไม่มีการประสานมาจากรัฐบาลแต่อย่างใด ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ว่า ได้เชิญเลขาธิการสภา มาหารือในเรื่องดังกล่าวแล้ว แม้ว่ามีการประกวดราคาและการเซ็นสัญญาแล้วก็ตาม แต่ก็มีความล่าช้าจากการขอคืนพื้นที่ ทั้งนี้คาดว่าภายในเดือนหน้า จะมีความชัดเจนเรื่องการขอคืนพื้นที่ และน่าจะดำเนินการได้ภายในปีนี้ พร้อมยืนยันว่า จะไม่ยอมเสียค่าโง่ให้กับบริษัทเอกชนอีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook