เปิดใจ นศ.สาวไทย โดนเวียดนามสั่งประหารชีวิต

เปิดใจ นศ.สาวไทย โดนเวียดนามสั่งประหารชีวิต

เปิดใจ นศ.สาวไทย โดนเวียดนามสั่งประหารชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

11 ก.ค. - กงสุลใหญ่ไทย ประจำนครโฮจิมินห์นำคณะเข้าเยี่ยมนักศึกษาสาวไทย ที่ถูกศาลเวียดนามตัดสินประหารชีวิต ในคดีลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ พบสุขภาพไม่ค่อยดี ป่วยเป็นไมเกรน ปวดศีรษะมาก ขณะถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ รอการอุทธรณ์ต่อสู้คดี ระบุ ถูกล่อลวง คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 3 เดือนครึ่ง จะทราบผลคำพิพากษาของศาลสูง หวังศาลสูงเมตตาพิจารณาลดโทษให้

กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานเกี่ยวกับความพยายามช่วยเหลือ น.ส.ปรียานุช พุทธรักษา นักศึกษาสาวไทย วัย 23 ปี ที่ถูกศาลเวียดนาม ตัดสินประหารชีวิต ในคดีถูกกล่าวหาลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ โดย น.ส.พรรณพิมล สุวรรณพงศ์ กงสุลใหญ่ไทย ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม พร้อมด้วยนายรุจ โสรัตน์ รองกงสุลใหญ่ฯ และเจ้าหน้าที่สถานกงสุลฯ ได้เข้าเยี่ยม น.ส.ปรียานุช ที่เรือนจำจี๋หว่า(Chi Hoa) เมื่อบ่ายวานนี้ (10 ก.ค.) พร้อมกับนำเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ของใช้ส่วนตัว และจดหมายจากบิดา-มารดาของ น.ส.ปรียานุช ไปมอบให้ด้วย

โดยเมื่อผู้คุมนำตัว น.ส.ปรียานุช ออกมาพบกับคณะกงสุลใหญ่ฯ ปรากฏว่า น.ส.ปรียานุช มีสีหน้าวิตกกังวล เศร้า และร้องไห้เกือบตลอดเวลา แต่เมื่อได้พูดคุยกัน น.ส.ปรียานุช ก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น อย่างไรก็ตาม น.ส.ปรียานุช บอกกับคณะกงสุลใหญ่ฯ ว่า ต้องการได้ยาแก้ปวดไมเกรน ยาแก้ปวดประจำเดือน และยาแก้แพ้ เนื่องจากมีอาการคันจมูกมาก รวมทั้ง ยังป่วยเป็นโรคไมเกรน และจะรู้สึกปวดศีรษะมาก ตอนที่เป็นไมเกรน กงสุลใหญ่ฯ จึงขอให้แพทย์ประจำเรือนจำฯ ได้มาตรวจรักษาให้ น.ส.ปรียานุช โดยเร็วด้วย นอกจากนี้ น.ส.ปรียานุช ได้ขอให้กงสุลใหญ่มาเยี่ยมทุกเดือน ตามที่เรือนจำอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้เดือนละ 1 ครั้ง

ส่วนในเรื่องของคดี กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานว่า น.ส.ปรียานุช ได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลประชาชนสูงสุดของเวียดนามแล้ว โดยระบุถึงสาเหตุที่กระทำผิดและถูกจับกุมครั้งนี้ว่า ถูกล่อลวงจนตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด ด้วยความเยาว์วัย และขาดประสบการณ์ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวเอง จึงขอความเมตตาจากศาลให้พิจารณาลดโทษให้ เนื่องจากไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน ซึ่งกระบวนการอุทธรณ์ตามกฎหมายเวียดนามนั้น หลังจากจำเลยยื่นคำขออุทธรณ์แล้ว ศาลประชาชนสูงสุดจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เพื่อพิจารณาคำร้อง ก่อนที่จะสั่งเปิดพิจารณาคดี จากนั้น อีกประมาณ 1 เดือนครึ่ง คณะผู้พิพากษาศาลประชาชนสูงสุดจะตัดสินคดี ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาภายใน 1 วัน ถ้าจำเลยให้ความร่วมมือกับศาล โดยให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการนำตัวผู้กระทำผิดหรือผู้บงการมาลงโทษ อาจทำให้ศาลสูงพิจารณาลดโทษให้จำเลย

ทั้งนี้ ศาลประชาชนนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ลงโทษประหารชีวิต น.ส.ปรียานุช นักศึกษาวิชาการออกแบบ ชาวไทย ในข้อหาลักลอบขนยาบ้า หนัก 3 กิโลกรัม เข้าประเทศเวียดนาม - สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook