สุรพงษ์ย้ำไทย-เขมรต้องปรับกำลังพร้อมกันตามศาลโลก
ภายหลังการหารือร่วมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ถึงการปรับกำลังทหารในพื้นที่พิพาทรอบปราสาทพระวิหาร ในวันพุธที่ 18 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะเป็นวันครบรอบ 1 ปี หลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก มีคำสั่งให้กัมพูชาและไทยปรับกำลังทหารออกจากเขตปราสาทพระวิหาร โดย นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ไทยต้องทำตามมาตรการชั่วคราวของศาลโลก ที่มีคำสั่งให้ปรับกำลังทหาร และให้มีผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซีย มาประจำการในพื้นที่ โดยในกรณีของคณะผู้สังเกตการณ์ กองทัพกำลังพิจารณาร่าง TOR ที่ฝ่ายอินโดนีเซีย เป็นผู้ยกร่าง ก่อนจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภากลาโหม ซึ่งคาดว่า ภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ข้อยุติ จากนั้นจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณา เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเร็วที่สุดและจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาในเดือนสิงหาคม ตามมาตรา 190 สำหรับเหตุที่ต้องดำเนินการตามคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลโลก เนื่องจาก ขณะนี้ทางศาลได้แจ้งมาแล้วว่า จะขึ้นนั่งบัลลังก์เพื่อให้ไทยและกัมพูชา ให้ปากคำด้วยวาจาอีกครั้งในเดือนเมษายน ปีหน้า ไทยและกัมพูชา จึงต้องทำตามมาตรการชั่วคราวให้แล้วเสร็จ ส่วนคำตัดสินนั้น ทีมทนายความคาดว่า จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ปีหน้าขณะที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการปรับกำลังทหาร ในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ ว่า จะเป็นการปรับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสับเปลี่ยนแทนทหารในจำนวนเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นไปตามความร่วมมือโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใด ๆ ส่วนในอนาคต หากถึงขั้นตอนต้องมีการถอนทหารในพื้นที่ จะต้องพิจารณาตามหลักการ โดยหากจำเป็นจะต้องนำเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภา ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ขณะที่ การประชุมเก็บกู้ทุ่นระเบิดไทย-กัมพูชา ตามกรอบการหารือของคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JWG จะมีขึ้นที่ประเทศไทย ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกในภาพรวม