ปชช.ติงการเมืองใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มขัดแย้ง

ปชช.ติงการเมืองใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มขัดแย้ง

ปชช.ติงการเมืองใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเพิ่มขัดแย้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน กรณีที่นักการเมืองใช้สื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลเน็ตเวิร์กในการตอบโต้ทางการเมืองนั้น พนักงานออฟฟิตแห่งหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่ย่านสะพานใหม่ และใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นประจำ เผยว่า ไม่เห็นด้วยที่นักการเมืองใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการตอบโต้กันในทางการเมือง เพราะเท่าที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ใช้แต่การใส่ร้ายตอบโต้กันไปมา โดยขาดความยับยั้งชั่งใจและไม่มีเหตุผลที่พิสูจน์ได้ ทั้งนี้ ยิ่งทำให้สังคมเกิดความสับสนและเกิดความแตกแยกมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม พนักงานออฟฟิตคนนี้ กล่าวว่า ทางออกที่จะทำให้สังคมเกิดความปรองดอง คือ ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน และให้อภัยซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ควรร่วมกันเดินหน้าพัฒนาบ้านเมือง ไม่โยนความผิดกันไปมา สังคมจึงเกิดความปรองดองได้ทั้งนี้ นักศึกษา ชั้นปีที่ 4 ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านสะพานใหม่ ที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นประจำ เผยว่า ไม่เห็นด้วย เนื่องจากการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่นักการเมืองต่าง ๆ ออกมาเปิดเผย เป็นความจริงหรือไม่ เพราะแต่ละฝ่ายที่ออกมากล่าวอ้าง ต่างมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือทั้งนั้น และอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งของฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายที่คัดค้านได้ พร้อมกันนี้ นักศึกษา คนดังกล่าว ยังพูดถึงแนวทางในการสร้างความปรองดองว่า อยากให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความขัดแย้งและต่างฝ่ายต่างควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด โดยไร้อคติซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ สังคมจึงจะสงบสุขขณะที่ การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนย่านรามคำแหง เกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์กกับการเมืองไทย ที่มีการตอบโต้กัน โดยนักศึกษารายหนึ่ง กล่าวว่า การตอบโต้ไปมาผ่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ในปัจจุบัน ไม่ได้สร้างบรรยากาศการเมืองที่ดีหรือสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติเพียงแค่อยากโชว์พลังเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างดูดี ซึ่งทางออกที่ดีที่สุด คือ การหันหน้าคุยกัน  ไม่ใช่ใช้สื่อทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่คอยป่าวประกาศความรู้สึกของตนเอง ส่วนทางด้านของพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง กล่าวว่า เป็นถึงระดับนักการเมือง ควรมีการตอบโต้ที่เป็นปัญญาชน ไม่ใช่นำสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งประชาชนคนไทยที่ใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กจะรู้สึกอย่างไร ที่มีนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งแสดงพฤติกรรมเช่นนี้สำหรับประชาชนย่านบางกะปิ โดยเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจรายหนึ่ง กล่าวว่า ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นเพียงอาวุธที่ใช้ตอบโต้เกมการเมือง เมื่อเปรียบเทียบมีข่าวเยาวชนไทยใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในทางมิชอบแล้วรู้สึกอย่างไร และเวลาที่นักการเมืองใช้ตอบโต้กันไปมา เราคิดอย่างไร ที่มีแต่ภาพลบ ทั้งในระดับชาติและระดับประเทศ ทั้งนี้มองว่า ความปรองดองอาจเกิดขึ้นได้ยาก หากไม่ทำความเข้าใจกับอีกฝ่ายให้ยอมรับฟังและปรับเปลี่ยนด้วยความเข้าใจ โดยที่ไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม และต่อไปประเทศกำลังจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งประเทศไทยคงเป็นได้แค่ประเทศที่มีชื่อในการเข้าร่วมเท่านั้น แต่คงไม่มีโอกาสที่จะอยู่ในระดับแถวหน้า หากนักการเมืองยังใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กเช่นนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook