นายกห่วงใต้เร่งเยียวยาปชช.สั่งบูรณาการทุกฝ่าย

นายกห่วงใต้เร่งเยียวยาปชช.สั่งบูรณาการทุกฝ่าย

นายกห่วงใต้เร่งเยียวยาปชช.สั่งบูรณาการทุกฝ่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นั้น ต้องทำความเข้าใจในเชิงลึก ในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ ขึ้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อรวบรวมข้อมูลให้เกิดเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้ให้กระทรวงต่างๆ เข้ามาช่วยสร้างขวัญ และกำลังใจ ซึ่งจะมีการบูรณาการและประสานกำลังกันต่อไป ส่วนสาเหตุระเบิดที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่เซฟตี้โซนนั้น มีข้อมูลเบื้องต้น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ พร้อมขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ยึดหลักการที่พอดี ในการนำเสนอ เพื่อไม่ให้คนในพื้นที่เกิดความกังวล ขณะที่ข้อมูลด้านการข่าวในปัจจุบันก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ามีการพัฒนาให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ส่วนที่ฝ่ายค้านขอหารือเรื่องแก้ไขปัญหาภาคใต้ในสภานั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าแล้วแต่สภาจะพิจารณา แต่รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นฝ่ายค้าน แต่ไม่ขอเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทั้งนี้ยืนยันว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลเป็นไปในเชิงรุก ไม่ใช่การวิ่งตามกลุ่มผู้ก่อเหตุการณ์แน่นอน เฉลิมบอกบึ้มซีเอสปัตตานีอาจโยงการเมืองสั่งเข้มตั้งด่าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะยกเลิกคำสั่งการชะลอการลงมติวาระ 3 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็ต้องไปศึกษาคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยส่วนตัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน โดยส่วนตัวเห็นด้วย ที่จะให้มีการแก้ไขเป็นรายมาตรา ส่วนการระเบิดคาร์บอมบ์ ที่ โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่เซฟตี้โซนนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ยังไม่อยากให้สรุปว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด ซึ่งอาจจะมีการเมือง เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรก็ตาม ได้สั่งตำรวจในพื้นที่ภาคใต้ เข้มงวดในการตั้งด่านตรวจ ทั้งนี้ จากสถิติการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ล่าสุดพบว่า ความรุนแรงลดลง โดยยืนยันว่า รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นอกจากนี้ ยังได้รับการติดต่อจากผู้ก่อความไม่สงบที่ขอเข้ามอบตัว จำนวน 40 คน แต่ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่า จะเป็นการฟอกตัวหรือไม่ ยุทธศักดิ์บอกไฟใต้แรงไม่ถึงขั้นสงคราม-ปรับแผนเพิ่มจนท. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดและความไม่สงบ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าเป็นความไม่สงบที่เกิดขึ้น ในช่วงของการถือศีลอด หรือ เดือนรอมฎอน ซึ่งมีการเตือนอยู่ตลอดว่า สถานการณ์จะรุนแรงในช่วงนี้ จากการประเมินสถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกองอำนวยการความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในภาค 4 โดย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ตามหา และกดดันผู้ก่อการร้ายด้วยวิธีการที่รุนแรงมากขึ้น จนได้ตัวบุคคลสำคัญทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน ดังนั้น กลุ่มผู้ก่อการร้าย จึงต้องสร้างผลงานเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่และการกระทำดังกล่าวเป็นกลุ่มของผู้ก่อการร้ายที่ไม่มีศาสนา เพราะผู้ที่เสียชีวิตก็เป็นชาวมุสลิม  ทั้งนี้ คาดว่า สถานการณ์ในขณะนี้ จะไม่พัฒนาถึงขั้นเป็นสงคราม แต่เป็นเพียงแค่กลุ่มโจรที่สร้างความไม่สงบในพื้นที่ เพราะไม่มีสถานที่ในการตั้งฐานทัพ ทั้งนี้ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เพิ่มกองกำลังในพื้นที่ต่าง ๆ และจุดตรวจทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่มหาดไทย มากขึ้น สุกำพลเผยเล็งเสริมกำลังปิดจุดอ่อนดับไฟใต้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มผู้ก่อเหตุลอบวางระเบิด โรงแรมซีเอสปัตตานี จ.ปัตตานี ว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามเร่งให้ตัวเองมีความสำคัญมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียกำลังพลไปมาก ทั้งนี้ จะนำแผนที่มีอยู่เดิมไปปฏิบัติให้เร็วขึ้น พร้อมได้หารือกับ ผบ.เหล่าทัพ และลงความเห็นกันว่า ต้องนำกำลังจากหลาย ๆ ส่วนมาช่วยกัน เพราะเห็นจุดอ่อนของกองทัพบกส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งศูนย์ปฏิบัติการดับไฟใต้ ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่กำกับดูแลนั้น ศูนย์ดังกล่าวจะจัดตั้งอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อไปนี้ศูนย์ดังกล่าวจะคอยแก้ไขปัญหา โดยไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ เพียงแต่เพื่อให้การทำงานกระชับมากขึ้น  โฆษก สตช. ยันเน้นเชิงรุกแก้ไฟใต้ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงดำเนินนโยบายของรัฐบาล โดยในวันที่ 8 ส.ค. นี้ จะมีการเวิร์คช้อป  โดยนายกรัฐมนตรี จะบูรณาการทำงานร่วมกันใหม่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมยืนยัน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมีขวัญ และกำลังใจที่ดีในการทำงาน ยังคงเน้นแนวทางเดิม คือ การทำงานเชิงรุก เพิ่มความเข้มในการตั้งด่านตรวจสกัดในพื้นที่เสี่ยง  และดำเนินการควบคู่ไปกับการดูแลประชาชน ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.  กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. กองทัพภาคที่ 4 รวมไปถึงกระทรวงมหาดไทย โดยการทำงานดังกล่าว แม้จะมีการก่อเหตุความไม่สงบแต่ความสูญเสียก็น้อยลง เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังสถานที่สำคัญต่างๆ อย่างรัดกุม ส่วนเหตุระเบิดในพื้นที่ จ.ปัตตานี นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการประชุมและยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเป็นการก่อเหตุในลักษณะใด  "ไพทูรย์" ยัน คาร์บอมบ์ ซีเอส ไม่เข้าเขต รร.พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบเหตุระเบิดใกล้ โรงแรมซีเอส ปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า คือ คาร์บอมบ์ แต่ไม่เข้าในเขตโรงแรม ซึ่งเป็นด้านหลังที่มีหม้อแปลงไฟฟ้า ดังนั้น เมื่อเกิดระเบิด ไฟจึงดับ และการระเบิดเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า เจ้าหน้าที่มีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ในช่วงเดือนรอมฎอน  สรุปยอดเจ็บคาร์บอมบ์หลังซีเอสปัตตานี5ราย ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์บริเวณหลังโรงครัว โรงแรมซีเอสปัตตานี ส่งผลให้โรงแรมซีเอสปัตตานีได้รับความเสียหาย เช้านี้ต้องปิดปรับปรุงชั่วคราว พร้อมอพยพผู้ที่เข้าพัก จำนวน 100 คน เข้าพักที่โรงแรมใกล้เคียง ในส่วนของรถยนต์กระบะอีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน ถล 8099 กทม. เป็นรถที่คนร้ายปล้นจากเหตุการณ์กราดยิงเจ้าหน้าที่บริษัทค้าไก่ เสียชีวิต 3 ศพ ในพื้นที่ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี สำหรับพนักงานโรงแรมซีเอสที่บาดเจ็บ 5 ราย คือ นางเจ๊ะกอริเยาะ อีรา นางศิรีรัตน์ พรหมสิงห์ นางยารอด๊ะ เจ๊ะอามะ นายสมพร เนติ  และ ด.ญ.พัชรนันท์ พิงทอง อายุ 6 ปี ทั้ง 5 ราย ถูกกระจกบาดที่เท้าและหูอื้อ อาการปลอดภัยแล้ว นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี สำหรับความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป คนร้ายกราดยิงร้านน้ำชาปัตตานีตาย2เจ็บ6เมื่อเวลา 21.30 น.(31 ก.ค.)ได้เกิดเหตุคนร้ายกราดยิงใส่ร้านน้ำชาทำให้ราษฎรเสียชีวิต 2 ราย ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย บริเวณร้านน้ำชาไม่มีเลขที่ บ้านตุปะ หมู่ที่ 5 ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายซาแหละ อาราเอ็ง อายุ 50 ปี นายอับดุลเลาะ มานอ อายุ 37 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายมะแอ ซะนิดอเลาะ อายุ 34 ปี นายยูโซ๊ะ ยูโน๊ะ อายุ 63 ปี นายมะยา คาเรนดาเบ๊ะ อายุ 54 ปี และ นายดาราแม คาเรนดาเบ๊ะ อายุ 52 ปี ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี จากการสอบสวนทราบว่า เหตุเกิดขณะที่ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บนั่งอยู่ภายในร้านน้ำชา ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่  ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนประเด็นและสาเหตุ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ยะลาเร่งสกัดรถยนต์ต้องสงสัยคาร์บอมบ์3คัน บรรยากาศทั่วไปในพื้นที่จังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครรักษาดินแดนยะลา ก็ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ทั่วเมืองยะลา เพื่อค้นหารถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 3 คัน ประกอบด้วย รถยนต์เก๋งวีออส สีดำ รถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์เงิน  และรถยนต์กระบะโตโยต้าแบบยกสูง สีน้ำเงิน  ที่กลุ่มคนร้ายได้ประกอบเป็นระเบิดคาร์บอมบ์และพร้อมที่จะนำมาก่อเหตุในพื้นที่เขตเมืองยะลา ได้ทุกที่ หากมีโอกาส ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนไปยังศูนย์กุญชร เพื่อให้ประกาศเตือนภาคประชาชนที่ใช้วิทยุสื่อสารเครื่องแดง ได้รับทราบและช่วยกันสอดส่องดูแลอีกทางหนึ่งด้วย สงขลาจับตากระบะต้องสงสัยเตรียมนำก่อเหตุ หลังจากที่ เกิดเหตุลอบวางระเบิด ในพื้นที่ 3 ชายแดนภาคใต้ อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของพื้นที่ จ.สงขลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความมั่งคงภายใน จ.สงขลา ได้สั่งการผ่านวิทยุเครื่องแดงที่ศูนย์วิทยุมณโฑ เครือข่ายเฝ้าระวังเมืองหาดใหญ่ ให้เฝ้าติดตามรถยนต์กระบะ 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ แบบแคป สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และ รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแมกซ์ แบบแคป สีบรอนซ์เงิน  ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งเป็นรถต้องสงสัย และมีรายงานว่า อาจจะเตรียมนำเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งหากพบรถต้องสงสัยทั้ง 2 คัน ไปจอดในลักษณะผิดสังเกต ตามสถานที่ต่าง ๆ ใน อ.เมืองหาดใหญ่ โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจการค้า ขอให้แจ้งวิทยุเข้ามาที่ศูนย์วิทยุมณโฑ หรือ แจ้งโทรศัพท์ 191 ของตำรวจภูธรหาดใหญ่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบได้ทันท่วงที พร้อมกันนี้ ผู้ว่าฯสงขลา ยังได้ประสานไปยังฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองในพื้นที่ เพื่อวางมาตรการเฝ้าระวังหาดใหญ่ในช่วงนี้อย่างเต็มที่ ทั้งการตั้งจุดตรวจสกัด การจัดวางกำลังประจำในพื้นที่เขตตัวเมือง 11วันเดือนรอมฎอนจนท.-ชาวบ้านตาย22ศพ สรุปเหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในรอบ 11 วัน ของเดือนรอมฎอน คือตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2555 ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 22 ราย บาดเจ็บ 36 ราย เกิดเหตุคาร์บอมบ์ 3 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย ลูกสอง เมื่อวันพุทธที่ 25 กรกฎาคม ที่ อ.รามัน จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย และล่าสุดที่ โรงแรมซีเอส ปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมา จากศูนย์ข้อมูลวัตถุระเบิด ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา พบว่า ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน เกิดเหตุระเบิดในลักษณะคาร์บอมบ์ มาแล้ว 30 ครั้ง แยกเป็นจังหวัดปัตตานี 3 ครั้ง จ.ยะลา 8 ครั้ง จ.นราธิวาส 19 ครั้ง และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 1 ครั้ง ผู้ว่าฯ สั่งเข้ม แผนพิทักษ์เมืองนราธิวาสนายดลเดช พัฒนรัฐ ปลัดจังหวัดนราธิวาส กล่าวกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้สั่งเพิ่มความเข้มรักษาความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชน ภายใต้แผนพิทักษ์เมืองนราธิวาสอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการประสานงานกับทางหทาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในภาพรวมของทั้งจังหวัดจะมีการเน้นดูแลเป็นพิเศษในพื้นที่เขตเมือง เขตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมีการตรวจตราสอดส่องรถยนต์ต้องสงสัยต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายทำเป็นคาร์บอมบ์เข้ามาในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดจะพยายามให้ทุกทรัพยกรที่มีอยู่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มความสามารถส่วนสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุบ่อยขึ้นในช่วงหลังนั้น ปลัดจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า อาจเป็นเพราะทางเจ้าหน้าที่เดินแผนรุกด้วยการจับกุมผู้กระทำความผิดได้หลายราย  รวมไปถึง ตรวจค้นยึดวัตถุระเบิดได้หลายรายการ ทำให้ผู้ก่อความไม่สงบรู้สึกโกรธแค้น จึงลงมือเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ  พีรยศแนะจนท.เปลี่ยนยุทธศาสตร์รับมือโจรใต้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พีรยศ ราฮิมมูลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยกับ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ว่า 8 ปีที่ผ่านมา ถ้าเราเรียกเหตุการณ์ความไม่สงบว่า เป็นสงคราม ตอนนี้เรารู้หรือยังว่าเราทำสงครามกับใคร ใครเป็นแกนนำ ใครเป็นหัวหน้า  เรากำหนดยุทธศาสตร์  ยุทธวีธีรับมืออย่างไร ทุกวันนี้ผู้ก่อความไม่สงบใช้รูปแบบสงครามกองโจร ซึ่งไม่มีการกำหนดพื้นที่ชัดเจนในการต่อสู้ เป็นสงครามที่ไม่ได้ประกาศ เป็นการยากต่อการป้องกัน คนร้าย รอจังหวะเจ้าหน้าที่เผลอเข้าโจมตี  คนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวของเรา จึงสามารถดักรอซุ่มโจมตีได้ตลอด ฉะนั้น เราต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์เพื่อไม่ให้คนร้ายจับทางได้ทั้งนี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ไม่อยากให้มีการโยงการก่อเกตุความไม่สงบเข้ากับเดือนศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องมุสลิม เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ผู้ก่อการร้าย มันไม่เลือกว่าเป็นวันอะไร เดือนอะไร สามารถก่อความวุ่นวายได้ตลอด จนท.ตรวจภาพCCTVคนร้ายคาร์บอมบ์รร.CS ที่ห้องแถลงข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 สน./รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าว จากกรณีเกิดเหตุการณ์ระเบิด บริเวณถนนด้านหลังโรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น จากการตรวจสอบของหน่วยในพื้นที่ และชุด EOD พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 50 กก. บรรทุกในรถยนต์ปิกอัพอีซูซุ แบบตอนเดียว สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 8515 ปัตตานี ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ถูกคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์มา เมื่อ วันที่ 25 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา และทำให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 5 ราย ขณะนี้ได้ตรวจสอบข้อมูลจากกล้อง CCTV เพื่อดูพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย และจะติดตามจับกุมตัวต่อไป  คุมเข้มหาดใหญ่-4อำเภอเฝ้าระวังคาร์บอมบ์ กำลังเจ้าหน้าที่ ทั้งทหารและตำรวจ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงใน จ.สงขลา ที่อาจตกเป็นเป้าการก่อเหตุลอบวางระเบิด ทั้งพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา ได้แก่ จะนะ, เทพา, นาทวี และ สะบ้าย้อย ที่ติดกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้ง พื้นที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่า มีรถยนต์กระบะต้องสงสัย 2 คัน ที่อาจเตรียมนำเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ จ.สงขลา โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ไข่แดง คันแรกเป็นรถยนต์กระบะโตโยต้าวีโก้ แบบแค็ป สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และคันที่สอง เป็นรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ แบบแค็ป สีบรอนซ์เงินโดยกำลังทหารของหน่วยเฉพาะกิจสงขลาประจำด่านตรวจควนมีด ซึ่งเป็นด่านตรวจถาวรด่านแรกของ อ.จะนะ ที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นและเฝ้าสังเกตรถยนต์ต้องสงสัยทั้งสองคันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งตรวจค้นวัตถุต้องสงสัยทุกประเภทเช่นเดียวกับพื้นที่โดยรอบของ อ.หาดใหญ่ ทั้งชั้นนอกและชั้นใน จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจเส้นทางเข้าออกหาดใหญ่ ทั้งสี่มุมเมือง และถนนสายรอง ทั้งนี้ หน่วยข่าวได้มีการแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังการก่อเหตุในช่วงเช้ามืดเป็นพิเศษ ผบ.ทบ.ห่วงทหารใต้แนะเรียนรู้สถานการณ์ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความเป็นห่วงกำลังพลในภาคใต้ โดยให้เรียนรู้กับสถานการณ์เพื่อระมัดระวังให้มากขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาต่างๆ ในพื้นที่นั้น ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความจำเป็นจะต้องปรับยุทธวิธีการทำงานในภาคใต้ ยังเป็นไปตามกรอบที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในบางครั้งตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ได้แจ้งกับที่ประชุมว่า สถานการณ์จากนี้ไป เจ้าหน้าที่รัฐจะตกเป็นเป้าโจมตีมากขึ้น โดยขอให้กำลังพลระมัดระวัง และเตรียมพร้อมตลอดเวลา  
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook