ศรราม โต้จีบ ไบร์ท คุยแค่พี่น้องยันโสด

ห่างหายจากงานละครไปซะนาน สำหรับ "หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์" แต่ล่าสุด ก็กำลังจะมีละครเรื่องใหม่ "มายาตะวัน" ให้แฟนๆ ได้ติดตามกันแล้ว แต่กลับมาคราวนี้ ดู หนุ่ม ศรราม หน้าตาหล่อเหลาขึ้นเยอะ ไม่รู้ไปเสริมหล่อมาหรือเปล่า "คือ ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณทีมงานทีวีซีน ที่ทำสีผมมา แล้วตัดผมสั้น เปลี่ยนลุกส์จากมือปราบพ่อลูกอ่อน และเสื้อผ้าด้วย ช่วยส่วนหนึ่ง เราไม่ค่อยเครียด เล่นกีฬาเป็นประจำด้วย แต่ต้องบอกว่า มีการไปทรีทเมนต์บ้าง เดือนละหน เพราะจริงๆ แล้ว ผมตั้งใจไปนวดขามากกว่า เพราะเราเตะฟุตบอล แต่คิดๆ ดู เราไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง จะให้มานั่งทาครีมทุกวัน มันก็ไม่ใช่วิสัยผู้ชาย แต่ถ้าไปนั่งสบายๆ ให้เค้านวด มันก็เป็นการดูแลตัวเองด้วย ยิ่งกับจมูกลองเคาะจมูกดูได้เลย ไม่มีแน่นอน รุ่นผมแบบธรรมชาติอยู่แล้ว ตามวัย คือ ตอนนี้เราต้องดูแลตัวเอง เราเป็นผู้บริหารด้วย ผลิตรายการ ถ้าเราไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เราก็ไม่สามารถดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นเสาหลักของครอบครัวได้ ยังมีน้องๆ หลานๆ ครอบครัวเรา ฉะนั้นพอมาทำบริษัท เราก็ต้องมาดูแลพนักงานเจ้าหน้าที่อีก ถ้าเราสุขภาพไม่ดี ก็ไม่สามารถทำงานได้ดี ส่วนรายการของตัวเอง ก็มีมา 4 ปีแล้ว แพลนทำรายการเพิ่มก็มี ตอนนี้กำลังเขียนคอนเทนต์อยู่ ก็น่าจะได้เห็นกันเร็วๆ นี้ สำหรับเรื่องขึ้นแท่นเป็นผู้จัดละคร เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดเลย เพราะว่า ด้วยความเคารพ อย่าง อาปิ่น ก็ยังเรียกใช้เราเล่นละครอยู่ และผู้จัดหลายๆ ท่าน เป็นรุ่นน้องคุณพ่อ เคยเรียกเราเล่นละครอยู่ ผมทำในสิ่งผมถนัดดีกว่า ซึ่งรายการของบริษัทส่วนใหญ่ จะเป็นสารคดีเฉลิมพระเกียรติ ก็จะไม่ค่อยซ้ำกับใคร และก็ไปทำรายการกีฬาที่ตัวเองชอบ เกี่ยวกับฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ดีกว่า สำหรับเรื่อง น้องไบร์ท เราสนิทกันจริงๆ คือ ผมไปเชิญเค้าออกรายการของผม ชื่อว่า รายการเพลินจิต ออนแอร์ ทางช่องทรูอินไซด์ 61 เพลินจิต เป็นรายการที่เราไปหาบุคคลที่รู้จักกันในสังคมแล้ว ให้เค้าทำกิจกรรมอะไรที่อยากทำ และสร้างความเพลิดเพลินให้กับท่านผู้ชม นั่นเป็นคอนเซ็ปต์รายการ วันนั้นที่ไปทำกิจกรรม คือ ไบร์ท ไปลงเสียงอ่านนิทานให้คนตาบอดฟัง เป็นการช่วยเหลือสังคม เป็นกิจกรรมอย่างที่เค้าวางไว้ อย่างพี่มอส ก็อาจจะพาผมไปฝึกเป็นคุณพ่อมือใหม่ พี่น็อต วรฤทธิ์ ก็กลับไปขี่เจ็ทสกีครั้งแรก รูปแบบรายการ มันเป็นแบบนี้ พอเชิญน้องเค้าไปออก ด้วยความที่เราเป็นแฟนรายการ พี่สรยุทธ อยู่แล้ว เราก็เลยโทรไปขออนุญาต พี่สรยุทธ ทีมงานทั้งหมด นั่นเป็นที่มาของการมาเจอกัน ก็เป็นพี่เป็นน้องกัน เราก็ชื่นชมในการทำงานซึ่งกันและกัน เราคุยกันแบบพี่น้อง มีแต่ความปรารถนาดี ไม่ใช่เรื่องแปลก ถามว่า ซีเรียสกับข่าวที่ออกมาไหม ก็ไม่ซีเรียสครับ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรให้น้องเสียหาย ส่วนเรื่องหัวใจของผม ตอนนี้ก็ยังโสด ทำแต่งาน ไม่ได้มุ่งมั่นเรื่องผู้หญิง มุ่งมั่นแต่งาน เพื่อนก็แต่งงานมีลูกกันหมดแล้ว แต่เรายังไม่ถึงเวลา ส่วนตัวแล้ว ก็ไม่ได้แพลนว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ด้วย เดี๋ยวมันมา ผมว่ามันก็มาเอง ด้านคุณพ่อคุณแม่ ท่านก็ไม่เคยถามเลย นอกจากถามว่า เมื่อคืนกลับกี่โมง เพราะว่าต่างคนก็ต่างทำงานเหมือนกัน คุณพ่อคุณแม่ ไม่เคยบังคับอะไรเลย ถามว่า กลัวมีลูกไม่ทันใช้ไหม ก็ไม่กลัวครับ เพราะว่ายังมีอีกหลายๆ คน ยังโสด และสามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว และก็มีความสุขกับชีวิต เหงาบ้างแต่ก็ชินแล้ว"