เริงชัย ชี้ ไฟไหม้ป่าพรุเกิดจากน้ำมือมนุษย์

เริงชัย ชี้ ไฟไหม้ป่าพรุเกิดจากน้ำมือมนุษย์

เริงชัย ชี้ ไฟไหม้ป่าพรุเกิดจากน้ำมือมนุษย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นเกิดจากฝีมือของมนุษย์ที่ลักลอบเผาป่า เพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตร ลามจนไม่สามารถควบคุมได้และช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน จะเป็นช่วงฤดูแล้งของภาคใต้ ทำให้สภาพอากาศแห้งแล้ง ปริมาณน้ำในป่าพรุมีน้อยจนแห้งขอด ขาดความชุ่มชื้น จึงอยากขอความร่วมมือกับชาวบ้านว่า อย่าจุดไฟเผาป่า หรือหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟ ควรแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อป้องกันไฟไม่ให้ลุกลามอย่างไรก็ตาม ปัญหาหมอกควันไฟป่า ทั้งจากป่าพรุและจากประเทศอินโดนีเซีย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ต้องขอความร่วมมือจากกระทรวงต่างประเทศ ประสานไปยังประเทศต้นเพลิงใช้ช่วยควบคุมอีกทาง สนามบินนครศรีธรรมราชเปิดใช้แล้ว นายนิสิต สมบัติ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า จากการสำรวจสถานการณ์หมอกควันไฟที่เกิดจากการการลักลอบจุดไฟเผาป่าพรุ ใกล้กับรันเวย์ ส่งผลให้ไฟได้ลุกลามเป็นวงกว้าง โดยแนวไฟนั้น ประชิดรันเวย์ฝั่งทิศใต้เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร พบว่า หมอกควันเบาบางลง จึงสามารถเปิดใช้ท่าอากาศยานได้ตามปกติแล้ว โดยเช้าวันนี้ เที่ยวบินของสายการบิน แอร์เอเชีย จะลงเป็นเที่ยวแรก อย่างไรก็ตาม ทางท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ยังส่งเจ้าหน้าที่คอยฉีดน้ำเลี้ยงเพิ่มความชุ่มชื้น เนื่องจากบริเวณที่เกิดไฟไหม้นั้น เป็นป่าพรุที่มีการทับถมของหญ้าแห้ง ไฟยังคุกรุ่น สามารถที่จะโหมแรงได้ขึ้นตลอดเวลา ไฟไหม้ป่าพรุลามคุมไม่ได้-ควันปกคลุมทั้งจว.สถานการณ์ไฟไหม้ทุ่งหญ้าและป่าพรุ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคลองยวน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง  ยังคงโหมอย่างต่อเนื่อง และได้รับความเสียหาย กินพื้นที่ไปแล้วกว่า 2,000 ไร่ แม้ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ระดมเจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งแหลมดิน หน่วยคลองยวน  ควนเคร็ง บ้านพราน เจ้าหน้าที่ไฟป่าพัทลุงและชุดมังกรไฟ จาก จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 100 คน แบ่งออกเป็น 2 ชุด เข้าควบคุมไฟในป่าสงวนแห่งชาติคลองยวนและป่าพรุบ้านพราน แต่ไฟยังโหมไหม้อย่างต่อเนื่อง เพราะความแห้งแล้ง และสภาพอากาศที่ร้อนจัด ลมกระโชกแรง ประกอบกับ ทุ่งหญ้าที่แห้ง และใบเสม็ดขาวที่หล่นทับถมกันมานาน ทำให้ไฟเกิดลุกโชนขึ้นมาในช่วงสายของทุกวัน  ในขณะที่ ควันไฟจากป่าพรุที่ลุกไหม้มานาน บวกกับ ควันไฟป่าอินโดนีเซีย ได้เพิ่มความหนาแน่นและยังปกคลุมท้องฟ้าพัทลุง ทั้ง 11 อำเภอ ทำให้ช่วงเช้า วิสัยทัศน์การขับรถบนถนนสายรองและสายหลัก เป็นไปด้วยความยากลำบาก และสถานบริการโรงพยาบาลขนาดเล็กและขนาดใหญ่ พบว่ามีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook