แมนฯซิตี้ แซงดับ นักบุญ3-2 นาสรี่ฮีโร่ซัดชัย
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯซิตี้ 3 - 2 เซาธ์แฮมป์ตัน
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555
สนาม : เอติฮัต สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์
การเเข่งขันศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2012/2013 ประจำวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555 ที่สนามเอติฮัต สเตเดี้ยม เจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าจากฤดูกาลที่แล้ว ต้อนรับการมาเยือนของ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมน้องใหม่จากเดอะ แชมเปี้ยนส์ ชิพ
เริ่มเกมมาได้เพียง 8 นาที เจ้าถิ่นต้องเสีย เซร์จิโอ อเกวโร่ ที่ได้รับบาดเจ็บที่เข่าขวาจากจังหวะที่โดน นาธาเนียล ไคล์น แบ็กขวาทีมเยือนสกัด เจ้าตัวล้มผิดจังหวะจนเข่ารับน้ำหนักไม่ไหว ทำให้ต้องไปปฐมพยาบาลข้างสนาม แต่สุดท้ายเล่นต่อไม่ไหวต้องขึ้นเปลออกจากสนาม ทำให้ทีมต้องส่ง เอดิน เชโก้ ลงสนามไปทำประตูแทน
น.17 "เรือใบสีฟ้า" พลาดโอกาสออกนำแบบน่าเสียดาย หลังได้จุดโทษจากการที่ คาร์ลอส เตเวซ ถูก ยอส ฮุยเฟลด์ ดึงล้มลงในจังหวะจะพลิกตัวหนี โดยเป็น ดาบิด ซิลบา รับหน้าที่ซัดไปทางขวา แต่ไปถูก เคลวิน เดวิส นายทวารทีมเยือนเซฟไว้ได้ เจ้าถิ่นอดขึ้นนำก่อน
น.40 ในที่สุดแฟนเจ้าถิ่นก็ได้เฮเสียที เมื่อ ซามีร์ นาสรี่ ชิพบอลข้ามไปให้ เตเวซ ที่ยืนก้ำกึ่งแนวรับทีมเยือนหลุดเข้าเขตโทษไปทางเสาแรก ก่อนเจ้าตัวจะแปบอลเข้าประตูไปให้ทีมขึ้นนำสำเร็จ 1-0
ช่วงท้ายครึ่งแรกทดเจ็บ 4 นาที ซิตี้ มีลุ้นได้ประตูที่สองหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังพลาดไปหมด หมดเวลาสกอร์ยังอยู่ที่ 1-0
มาเตะกันต่อในครึ่งหลังได้ 4 นาที เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูที่สองเมื่อ นาสรี่ เลี้ยงบอลมาจากเส้นหลัง ก่อนจะส่งบอลไปหน้าประตู บอลไปถึง เชโก้ เข้าชาร์จแต่ก็ไปเข้ามือ เคลวิน เดวิส อีกครั้ง อีกสองนาทีต่อมาทีมยังชวดได้ประตูอีก คราวนี้ ยาย่า ตูเร่ ส่งบอลไปทางเสาสองให้ กาแอล กลิชี่ เข้าชาร์จจ่อๆ แต่ก็เหินข้ามคานไปแบบไม่น่าเชื่อ
น.54 "เรือใบสีฟ้า" ยังไม่ได้ประตูต่อไป หนนี้ นาสรี่ ส่งบอลไปให้ ซิลบา ได้จังหวะซัดวอลเล่ย์ด้วยซ้ายโล่งๆ แต่บอลก็พุ่งไปชนคานกระดอนออกหลังไป เจ้าถิ่นยังบวกสกอร์เพิ่มไม่ได้
เซาธ์แฮมป์ตัน ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกส่ง เซาธ์แฮมป์ตัน ริคกี้ แลมเบิร์ต ลงไปแทน เจย์ โรดริเกซ
น.59 หลังจากโดนบุกอยู่นานในที่สุด เซาธ์แฮมป์ตัน ก็มาได้ประตูคืนบ้าง จากจังหวะที่บอลขลุกขลิกในเขตโทษ และเป็น ริคกี้ แลมเบิร์ต ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาอาศัยจังหวะได้ซัดด้วยขวาบอลเลี้ยวผ่านมือ โจ ฮาร์ท เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ตีเสมอให้ทีมเป็น 1-1
จากนั้นก็ใบเหลืองแรกของเกม โดยเป็น แดเนี่ยล ฟ็อกซ์ ของทีมเยือนรับไปเป็นคนแรก และต่อมาทีมก็เปลี่ยนตัวคนที่สองถอด เจมี่ วอร์ด-เพราส์ ออกส่ง สตีเว่น เดวิส ลงสนาม
น.67 แล้วกลายเป็นแฟนเจ้าถิ่นต้องช็อกทั้งสนาม เมื่อ แจ๊ค ร็อดเวลล์ พลาดโดนแย่งบอลจากหน้าประตูทีมเยือน ก่อนที่ทีมจะเล่นสวนกลับเร็วเข้าแดนของซิตี้ และเป็น สตีเว่น เดวิส ที่เพิ่งลงสนามได้ไม่นาน ซัดบอลลอดขา กลิชี่ ผ่านมือ ฮาร์ท เข้าประตูไป "นักบุญ" พลิกนำ 2-1
เจ้าถิ่นทนไม่ไหวต้องเปลี่ยนเอา มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงสนาม โดยคนที่โดนถอดเป็น ซิลบา ที่เกมนี้พลาดโอกาสทำประตูไปหลายจังหวะ
น.72 "เรือใบสีฟ้า" ไม่ยอมแพ้มาตามตีเสมอได้สำเร็จ เมื่อ แว็งซองต์ ก็องปานี ได้ซัดด้วยซ้ายบอลไปติด บาโลเตลลี่ กระดอนออกไปทางซ้ายเข้าทาง เชโก้ ที่ยืนว่างอยู่วิ่งมาซัดด้วยขวาเข้าประตู สกอร์เท่ากัน 2-2
พอตีเสมอได้เหมือนได้ใจ "ซิตี้" เกือบกลับมานำอีกครั้งจากจังหวะที่ ยาย่า วิ่งลุยมาจากกลางสนามก่อนจะไหลให้ นาสรี่ ที่เติมมาทางขวาในเขตโทษโยนบอลไปทางเสาสอง แต่ บาโลเตลลี่ กลับซัดเข้าข้างตาข่ายแบบไม่น่าเชื่อ
น.80 แล้วในที่สุดแฟนซิตี้ก็ได้เฮกันทั้งสนาม เมื่อ กลิชี่ วิ่งเติมเกมมาจากทางซ้ายก่อนจะโยนบอลไปหน้าประตูไปถูกกองหลังเซาธ์แฮมป์ตัน โหม่งสกัดมาเข้าทาง นาสรี่ ที่ยืนตรงกลางประตูโล่งๆ วอลเล่ยด้วยขวาบอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม "เรือใบสีฟ้า" แซงนำ 3-2 ซึ่งหลังจากนั้น นาสรี่ ก็มาโดนใบเหลืองหลังไปถอดเสื้อในจังหวะดีใจหลังทำประตูได้
ขณะที่ทีมเยือนเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายส่ง บิลลี่ ชาร์ป ลงไปแทน เจสัน พันเชี่ยน ส่วนเจ้าถิ่นก็เปลี่ยนเช่นกันถอด เตเวซ ออกส่ง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ลงไปเล่นแทน
ช่วงทดเจ็บท้ายเกมไม่มีจังหวะอะไรให้ลุ้นเพิ่มเติม จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายพลิกเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปได้สุดมันส์ 3-2 เก็บ 3 คะแนน ประเดิมฤดูกาลใหม่ไปได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-4-2) : โจ ฮาร์ท - พาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซองต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่ - ซามีร์ นาสรี่, แจ๊ค ร็อดเวลล์, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา (มาริโอ บาโลเตลลี่ น.71) - คาร์ลอส เตเวซ (อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ น.87), เซร์จิโอ อเกวโร่ (เอดิน เชโก้ น.14)
เซาธ์แฮมป์ตัน (4-4-2) :
เคลวิน เดวิส - นาธาเนียล ไคล์น, โชเซ่ ฟอนเต้, ยอส ฮุยเฟลด์, แดเนี่ยล ฟ็อกซ์ - เจมี่ วอร์ด-เพราส์ (สตีเว่น เดวิส น.65), มอร์ก็อง ชนีแดร์แล็ง, อดัม ลัลลาน่า, เจสัน พันเชี่ยน (บิลลี่ ชาร์ป น.85) - เจย์ โรดริเกซ (ริคกี้ แลมเบิร์ต น.55), กูลี่ โด ปราโด้