ธรรมกายแพร่ สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน เข้าข่ายอุตริถึงขั้นอาบัติ
จากการกรณี เว็บไซต์ของวัดธรรมกายได้เผยแพร่บทความเรื่อง สตีป จ๊อบส์ ตายแล้วไปไหน? จนเกิดเป็นกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังพระสงฆ์ชื่อดังที่สังคมรู้จักและนับถือ ถึงกรณีดังกล่าว
โดยพระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาส วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ บอกว่า ต้องตั้งคำถามถึงบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ก็คือ สิ่งที่เขียนมาทั้งหมดรู้ได้อย่างไร ไปเจอสตีฟ จ็อบส์ มาจริงหรือเปล่า และที่พูดเกี่ยวกับสตีฟ จ็อบส์ ถูกต้องจริงหรือไม่ , รู้จักสตีฟ จ็อบส์ ดีจริงไหม แล้วไปรู้ในภาวะจิตของเขาได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่ทางวัดธรรมกายนำมาพูดเหมือนกับว่า ได้ไปเจอ สตีฟ จ็อบส์ มาแล้ว ซึ่งการกล่าวอ้างว่าเห็นมาจริงเช่นนี้ ในทางพุทธศาสนาเรียกว่าเข้าข่ายอุตริมนุสธรรม ถือว่าผิด แต่หากบอกว่านึกขึ้นมาเอง ก็ถือว่าเข้าข่ายอาบัติปาราชิก ซึ่งเป็นอาบัติหนัก ทำให้ขาดจากความเป็นพระเลยทีเดียว
ขณะที่พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว บอกว่า การวิปัสสนา การเข้าญาณที่ถูกต้องนั้น ประโยชน์ก็เพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้เห็นกิเลส ได้เรียนรู้เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือเห็นหนทางแห่งการดับทุกข์ ไม่ใช่จะหวังให้ไปเห็นว่าใครไปเกิดเป็นอะไร ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช้แนวทางของการวิปัสสนาและไม่มีใครรับรองได้ หนักเข้าจะกลายเป็นการอวดอ้างตน ซึ่งหมิ่นเหม่ต่อความไม่ถูกต้องทางพระธรรมวินัย และไม่ใช่แนวทางที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ โดยในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่หนทางดับทุกข์ ไม่สอนและไม่สรรเสริญให้ทำเรื่องเช่นนี้ คนที่รู้ทันเขาก็นั่งขำ แต่หากรู้ไม่ทันเชื่อง่ายงมงาย ไม่คิดถึงหลักเหตุและผลก็จะหลงเชื่อ สุดท้ายก็ทำให้ศาสนาปั่นป่วน เกิดการโต้เถียงกัน
พระพยอม ยังบอกด้วยว่า การกระทำลักษณะนี้ หมิ่นเหม่ต่อการอวดอ้างก็ต้องดูต่อไปว่าสำนักพระพุทธศาสนา จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นอกจากนี้ยังเห็นว่าหากมองเห็นได้จริง ก็น่าจะเอาไปมองใช้ประโยชน์ในการดูเหตุการณ์ใกล้ๆ เช่น เหตุการณ์ภาคใต้จะถูกวางระเบิดเมื่อไร เพื่อที่จะได้ระวังตัว ทหารเราจะได้ไม่ตาย แบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อชาติมากกว่า
คลิกอ่านข่าว วัดธรรมกายแพร่บทความ สตีฟ จ๊อบส์ เกิดเป็น เทวากึ่งยักษ์