พลอย ร่ำไห้ขอโทษพูดแรงป้องผจก.

พลอย ร่ำไห้ขอโทษพูดแรงป้องผจก.

พลอย ร่ำไห้ขอโทษพูดแรงป้องผจก.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นเรื่องราวใหญ่โตเลยทีเดียว หลังเกิดปัญหาเรื่องค่าตัวระหว่างดาราสาว "พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" กับออร์แกไนเซอร์แห่งหนึ่ง โดยทำให้ตัวแทนออร์แกไนเซอร์ก็ได้ออกมาแฉว่า สาวพลอยใช้บัตรประชาชนของบุคคลอื่นที่มีอายุถึง 77 ปี มายื่นรับค่าตัว จนทำให้กรมสรรพากรมีคำสั่งตรวจสอบ ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ลานแฟชั่นฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน สาวพลอย พร้อมด้วย นางธัญดา นิลภิรมย์มารดา, นายก้อง หิรัญรงค์ ที่ปรึกษากฎหมาย และ นางภิญญดา เบญจมหากิจ ผู้จัดการส่วนตัว ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเรื่องราวทั้งหมด โดยแม่แหม่มเริ่มต้นว่า "แม่ขอเริ่มก่อน ในอดีตที่แม่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของพลอย แล้วตอนนี้แม่ไม่ได้เป็นมาสองปีแล้ว ด้วยแม่อายุมากแล้วก็ประกอบธุรกิจส่วนตัว และก็ไม่ค่อยได้อยู่ในประเทศ ต้องเดินทางออกนอกประเทศบ่อยๆ จากนั้นแม่ก็จ้างมิวผู้จัดการคนใหม่ที่มีความรู้ด้านนี้โดยตรงมาทำงานแทน แล้วระยะเวลาสองปี คุณมิวดูแลพลอยด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่มีการโกง ไม่มีการอะไรทั้งนั้น แม่ขอยืนยันนะคะ ส่วนรายละเอียดในการทำงาน ในอดีตแม่ก็ทำงานกับพลอย แม่จะเป็นคนรับงานแล้วก็ส่งงานให้พลอยมาทำงาน บางครั้งเขาก็จะมีการจ่ายเช็คหน้างาน หรือบางครั้งจะไปรับหลังงานเลิก พลอยจะไม่รู้รายละเอียดอะไรกับบัญชีในอดีตแม่ทั้งนั้น แต่ปัจจุบันนี้มิวเป็นคนรับงานและดูและคิวทั้งหมด และรายละเอียดต้องถามทางพลอยกับมิว และทางฝ่ายบัญชี เพื่อจะชี้แจง แม่ขอพูดเท่านี้ สำหรับกระแสข่าวที่บอกมาว่า แม่เป็นกาวใจประสานรอยร้าวให้นั้น ก็คือว่าเรื่องนี้มันเริ่มมาจากที่แม่ไปต่างประเทศ แล้วก็กลับมา รู้สึกจะเป็นวันพฤหัสบดี แม่กลับมาก็รู้ข่าวจากรายการแฉยามเย็นของคุณเชาเชา แม่ก็โทรศัพท์ไปถามมิว มิวก็เล่าให้แม่ฟัง แล้วสักครู่ใหญ่ๆ ทางรายการก็โทร.มาหาแม่ แม่ก็เลยบอกว่าเรื่องนี้แม่ไม่ทราบรายละเอียด และแม่ไม่ได้อยู่กับพลอยและแม่กำลังขับรถ แม่เลยให้เบอร์คุณมิวเพื่อให้เขาไปคุยกับคุณมิว แล้วก็ไม่รู้ว่าคุณมิวให้สัมภาษณ์ยังไงเพราะว่าแม่ก็ไม่ได้เปิดฟัง เพราะว่าแม่ต้องเข้าประชุมเรื่องธุรกิจของแม่เหมือนกัน คือเรื่องตอนนั้นมันก็จบไปแล้ว พอมาทราบข่าวอีกทีก็ตอนที่เขามาเปิดแถลงข่าว"ส่วนกรณีที่ "พลอย" เคยบอกว่า ใช้บัตรประชาชนแม่ในการรับเช็คนั้น ก็ไม่ใช่ ไม่ใช่แม่ คือแม่ไม่ได้ทำงานด้านนี้ คือไม่ได้ดูแลพลอยมาสองปีแล้วกับการเป็นผู้จัดการส่วนตัว เพราะว่าแม่มีบริษัทของแม่เอง และต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ไปทีก็เป็นยี่สิบ-สามสิบวัน แล้วก็กลับมาทีหนึ่ง แล้วแม่ก็เห็นว่าพลอยเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ต้องมีแม่ตาม ไม่ต้องมีแม่เทคแคร์ และเปลี่ยนเป็นผู้จัดการส่วนตัว แม่ต้องกราบขอโทษจริงๆ ในการที่ว่าลูกแม่อาจจะใช้คำพูดคำจาที่อาจจะไม่สุภาพ แม่ต้องกราบขอโทษอีกทีในฐานะที่แม่เป็นแม่เขา แล้วก็ขอโทษประชาชนและก็แฟนคลับด้วย ต้องขอโทษจริงๆ"  ด้านสาวพลอย กล่าวว่า "ในส่วนของพลอย อย่างแรกเลยก็คือว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาจากเฟซบุ๊ก แล้วก็เจตนาของผู้เขียน คือ ผู้จัดการพลอยมีเจตนาที่จะโกงเงินพลอย เพราะฉะนั้นพลอยก็เลยต้องออกมาปกป้องพี่มิวว่าพี่มิวไม่ได้มีการโกงเงินหรือยักยอกเงินของพลอยใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้มันก็เป็นการเบี่ยงเบนประเด็น และพลอยก็ต้องขอโทษในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในคำพูดของพลอย พลอยต้องขอโทษในคำพูดของพลอยที่มันดูรุนแรงและไม่มีสติ พลอยคิดว่าพลอยไม่มีสติและควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี พลอยขอรับผิดในคำพูดของพลอยตรงนี้ แล้วก็ต้องขอโทษแฟนคลับทุกๆ คน ขอโทษประชาชนทุกๆ คน ที่เสียใจกับคำพูดของพลอยที่มันดูรุนแรง อันนี้พลอยขอโทษ ส่วนเรื่องการทำงานทั้งหมดนี้พลอยก็เป็นคนทำงานที่อยู่หน้างานแล้วก็ทำงาน เรื่องอะไรต่างๆ นานา พลอยก็ไม่ได้รับรู้อะไรใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนอะไรที่สงสัย วันนี้พลอยก็จะมีคุณก้องมาช่วยอธิบายแทนนะคะ เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของพลอย"  ด้าน นายก้อง หิรัญรงค์ ทนายความ ชี้แจงว่า "ก็อย่างที่รู้ว่าทางพลอยมีปัญหากับทางด้านออแกไนซ์ คุณพลอยรับหน้าที่ทำงานเป็นนักแสดง ส่วนเรื่องบัญชีและเรื่องกฎหมายก็จะมีสำนักงานบัญชีและก็สำนักงานกฎหมายของคุณพลอยดูแลในเรื่องกฎหมายและบัญชีอยู่ และเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ คือ ทางฝ่ายบัญชีของแอปโซลูทเขาขอเอกสารเกี่ยวกับตัวคุณพลอยเข้ามาที่จะไปทำเช็คและก็ไปทำหนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย และทางคุณพลอยเองก็ได้ติดต่อไปทางสำนักงานบัญชี และทางสำนักงานบัญชีก็ส่งเอกสารไปให้กับทางสำนักงานบัญชีของทางออแกไนซ์ แต่ปรากฎว่า เอกสารที่ส่งไปบัตรไม่ได้เป็นบัตรประชาชนของคุณพลอย พอคุณพลอยได้มารับหนังสือตัวรับรอง ณ ที่จ่ายก็เลยสงสัยว่าทำไมหนังสือรับรอง ณ ที่จ่าย ทำไมไม่ใช่ชื่อของคุณพลอย พอตรวจสอบไปก็รู้ว่าบัตรมีการส่งผิดไป ไม่ได้ส่งบัตรคุณพลอยไป ไม่ได้ประสานกัน ภายหลังที่รู้ว่ามีการผิดพลาด ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย จึงได้ติดต่อไปยังบริษัทแอปโซลูท แล้วก็ได้มีการขอให้แก้ไขหนังสือรับรอง และต้องเรียนก่อนว่า ตามกฎหมายแล้ว ผู้ที่มีหน้าที่ออกหนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย คือ ผู้ที่ว่าจ้าง เมื่อออกหนังสือรับรองผิดไป ทางผมก็แจ้งให้แก้ไข ซึ่งทางบริษัทแอปโซลูทก็ได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว ก็ขอเรียนว่า ไม่ได้เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ส่วนประเด็นเรื่องกรมสรรพากร ผมขออธิบายเลยว่า เราได้มีการเข้าไปชี้แจงกับกรมสรรพากรในเบื้องต้นแล้วว่า ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมันมีอยู่ยังไง และที่มีอยู่ในข้อกฎหมายมันเป็นยังไง คือเราก็บอกว่ามันเป็นข้อผิดพลาด และเราก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งทางผมและก็ทางคุณพลอยยินดีให้ทางกรมสรรพากรตรวจสอบทุกอย่าง ส่วนเรื่องบัตรประชาชนที่ทางฝ่ายออแกไนซ์บอกว่า เป็นของคนที่ชื่อ ทวีศักดิ์ นั้น ก็คงจะเป็นตามข่าว ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นของใคร ต้องสอบถามจากสำนักงานบัญชี คือผมได้ปรึกษากับทางสำนักบัญชีแล้วว่า เรื่องนี้จะเปิดเผยกับสื่อมวลชนให้ทราบได้ไหม เขาก็แสดงความเสียใจที่เขาทำผิดพลาด แล้วก็ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ส่วนชื่อบริษัทสำนักบัญชีบอกชื่อไม่ได้ พอดีเขาไม่อยากให้ผมเอ่ยชื่อบริษัท ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดของทางสำนักบัญชี และ ณ วันนี้ เรากับทางออแกไนซ์ก็ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าทางแอปโซลูทก็เพิ่งแก้หนังสือรับรองมาให้เราฉบับใหม่ ซึ่งหนังสือรับรองผมก็ตรวจสอบดูแล้วว่ามันถูกต้อง และครั้งนี้คุณแม่เป็นคนเอาบัตรประชาชนไปให้เองเลย เพราะว่าคุณแม่กลัวว่าจะเกิดการผิดพลาดอีก ถามว่ารู้นานหรือยังว่าบัตรประชาชนผิด คือผมไม่ทราบเหมือนกัน เพราะว่าเรื่องนี้อยู่กับทางสำนักงานบัญชี ก็พยายามหาปัญหา พยายามหาว่าต้นตอมันเกิดมาจากตรงไหน ว่าทำไมชื่อถึงเป็นบุคคลอื่น สอบถามหาที่ไปที่มาก็มาได้รู้ว่ามาจากสำนักงานบัญชี" ด้านแม่แหม่ม แทรกขึ้นมาว่า "แม่ก็ได้มีการต่อว่านิดหน่อย กับบริษัทแม่ ก็เลยได้ไปขอเขา เพราะจริงๆ แม่ไม่รู้อะไรเลย เพราะแม่มาเห็นหน้าเช็ค เห็นใบหักภาษีมันเป็นวันที่ 15 ซึ่งทางบริษัทเขายังไม่ได้นำส่งสรรพากร เมื่อนั้นยังไม่ได้ส่งกรมสรรพากร ก็เลยต้องแก้ไขด้านทนายก้อง กล่าวต่อว่า "ผมขอเรียนแบบนี้ว่า การที่จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ทางผู้ว่าจ้างหรือทางผู้ที่มีหน้าที่ต้องหัก ก็คือ บริษัทแอปโซลูท ต้องนำหนังสือส่งกับเงินที่หักให้กับกรมสรรพากร ภายในวันที่ 7 กันยายน และเรื่องที่เกิดขึ้น จนวันนี้มันยังไม่ถึงวันที่ 7 เขายังไม่ได้ยื่น ผมก็เลยบอกว่าคุณต้องแก้ไข เพราะถ้าไม่แก้ไข แล้วคุณเอาสิ่งที่ผิดไปยื่นให้กับกรมสรรพากร ทางคุณจะมีความผิด ตอนนี้ก็มีการเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ก็ถ้าคนจะมองว่าการทำผิดพลาดของทางสำนักบัญชี เป็นข้ออ้าง ผมก็อยากเรียนแบบนี้ว่า ผมทำงานตรงนี้มานาน เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นค่อนข้างจะบ่อย ทำงานให้กับศิลปินดารามาก็พอสมควร ทางหัวหน้าของบัญชีเขาไม่ได้เป็นคนดึงเอง ส่งเอง ก็จะมีลูกน้องส่งไปตามลำดับขั้น ความผิดพลาดที่เกิดจากหน้าที่คนหนึ่งมันส่งผลให้เกิดข้อพิพาษในวันนี้" ด้านสาวพลอย กล่าวต่อว่า "เรื่องการร่วมงานกับทางออแกไนซ์นี้ พลอยก็ขอชะลอไว้ก่อน จากเหตุการณ์ทั้งหมด พลอยค่อนข้างจะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พลอยไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่โต พลอยจะกลายเป็นจำเลยของสังคม เพราะพลอยเองพลอยก็อยู่ของพลอยเฉยๆ แล้วตอนนี้ภาพลักษณ์พลอย พลอยกลายเป็นคนเลวไปเลย พลอยรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็อย่างที่บอกว่าพลอยยืนยันว่าพลอยขอโทษกับสิ่งที่พลอยพูดรุนแรงออกไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็คือ ถึงพลอยจะเป็นนักแสดงก็จริง แต่พลอยก็มีความรู้สึกเหมือนคนอื่นๆ ทั่วๆ ไป ซึ่งถ้าเราโดนรังแกหรือเราโดนทำร้าย เราก็มีความรู้สึกที่โกรธ และอาจจะทำอะไรผิดพลาดไปได้ ก็ขอโทษในสิ่งที่พลอยพูดไป แต่ในสิ่งที่จะมีการร่วมงานกับบริษัทแอปโซลูท พลอยขอต้องข้ามไปก่อน คงไม่พร้อมจริงๆ ส่วนเรื่องที่กรมสรรพากรจะตรวจสอบมากขึ้น และอาจจะมีผลกระทบต่อคนที่มีอาชีพเดียวกับพลอยนั้น ก็อย่างที่คุณก้องแจ้งไปว่า เราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย พลอยว่าเรื่องนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว" โดยทนายก้อง แทรกขึ้นมาว่า "คือเรื่องนี้ทางกรมสรรพากรก็มีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องภาษีของทุกๆ คนอยู่แล้ว เราชี้แจงกับสรรพากรไปแล้วว่า เรายินดีที่จะให้รับการตรวจสอบ และก็ให้ความร่วมมือทุกประการ เพราะว่าที่ผ่านมา ทำถูกต้องตลอด" ด้านสาวพลอย กล่าวว่า "ก็อย่างที่บอกนะคะว่า เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น ทุกคนอาจจะไม่เข้าใจว่าเรื่องที่แท้จริงมันเป็นยังไง เรื่องของกฎหมายมันเป็นยังไงมัน เป็นแค่ภาพของกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อทางอินเทอร์เน็ต อันนี้พลอยว่าพลอยไม่เกี่ยวข้อง คงเป็นการเขียนกันไปต่างๆ นานา ซึ่งบอกตรงๆ ว่ามีคนมาเขียนในอินสตาแกรมพลอยเยอะเหมือนกัน พลอยก็รู้สึกเสียใจและน้อยใจกับคำพูด ซึ่งว่าเขาไม่รู้ว่าเรื่องจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ว่าเราเสียๆ หายๆ อย่างที่บอกว่าพลอยเสียใจมาก ที่ตกเป็นจำเลยสังคม ก็วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงให้ความกระจ่างแล้ว ก็พลอยอยากจะขอความเห็นใจด้วย" ถามว่าก่อนหน้ามีเหตุการณ์เอาบัตรประชาชนผิดไปยื่นหรือไม่นั้น แม่แหม่มก็เปิดเผยว่า "ไม่มีค่ะ ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย แล้วก็ยินดีให้ดูรายละเอียดได้เลย เพราะว่าทางกรมสรรพากรต้องเรียกเช็คอยู่แล้ว มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มีใบนี้แค่ใบเดียว แม่ก็เคลียร์กับบริษัทเขาแล้ว แม่ก็ต้องขอโทษด้วย (ยกมือไหว้) ขอโทษกับทุกๆ อย่าง ในฐานะที่แม่เป็นแม่ และแม่ก็อยากให้เรื่องนี้มันเงียบแล้วจบลงด้วยดี แม่กราบขอโทษ แม่ขอโทษด้วยที่มันเกิดความผิดพลาดจากคำพูดบางคำของลูกแม่ที่แรงไปหรืออะไรไป แล้วก็อยากจะขอโอกาสประชาชน แฟนคลับ และผู้สื่อข่าวทุกท่าน ว่า ที่มาแถลงวันนี้ เพราะว่าเราแก้ไขทุกอย่างได้ถูกต้องแล้ว เราไม่ได้โกงภาษีหรืออะไรเลย มันเป็นการผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย แล้วเราก็โชว์ให้ดูแล้วด้วยว่าเราแก้ไขทำถูกต้อง แล้วปลายปี อันนี้ก็จะไปรวมกับภาษีเงินได้ของพลอย ที่พลอยเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือเป็นอะไรทุกอย่างที่พลอยจะต้องเสีย หรือปลายปีสิ้นสุด มี.ค. 56"  ในส่วนของพี่มิว สาวพลอยก็เปิดเผยว่า "ก็ตั้งแต่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า พี่มิวไม่ได้ผิดอะไรเลยตั้งแต่แรก อย่างที่พลอยบอกมันเริ่มต้นมาจากเฟซบุ๊ก แล้วเจตนา ก็คือ ผู้จัดการพลอยทำไม่ดี โกงพลอย พลอยก็พยายามออกมาปกป้อง อย่างที่บอกว่าประเด็นมันเบี่ยงเบนเพราะว่าพลอยไม่ระวังคำพูดของพลอยเอง ก็สำหรับพี่มิวก็ยังทำงานด้วยกันเหมือนเดิม พลอยก็ยังขอยืนยันความบริสุทธิ์ของพี่มิว ถามว่าจะตรวจสอบอะไรมากขึ้นไหม สำหรับพลอยจริงๆ แล้วพลอยว่าพลอยก็ต้องทำงานต่อไป แล้วเรื่องเกี่ยวกับการเงินของพลอย พลอยก็ต้องให้บริษัทคอยดูแล วันนี้ได้ออกมาพูดตรงนี้ก็โอเค สบายใจ ผลกระทบเรื่องงานตอนนี้ยังไม่มี ทุกคนก็เข้าใจ ออแกไนซ์หลายที่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทดังๆ พี่ตือ หรือว่า พี่ก้อง ทุกคนก็ให้กำลังใจพลอยมาก เขาเข้าใจพลอยทุกอย่างว่าพลอยทำอะไรอยู่ และเหตุการณ์ทุกอย่างมันคืออะไร ตอนนี้ทุกคนก็ยังจ้างงานพลอยอยู่เหมือนเดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ที่เปลี่ยนแปลงก็กระแสสังคมเท่านั้นเอง ซึ่งตอนนี้พลอยกลายเป็นคนผิด และก็กลายเป็นจำเลยไป ซึ่งมันไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ ถามว่าน้อยใจไหมน้อย ใจเสียใจไหม ก็เสียใจเหมือนกัน อยากให้ทุกอย่างมันจบๆ เพราะว่าพลอยไม่อยากมีเรื่องกับใครจริงๆ เลย พลอยสาบานได้ ตั้งแต่แรกเลยไม่อยากมีเรื่องกับใครจริงๆ ก็ขอให้มันยุติแค่นี้ และพลอยก็ได้แต่หวังว่าภายภาคหน้าต่อไป การทำงานของพลอยในภายภาคหน้าคงไม่มีใครมาหาเรื่องพลอยอีก และพลอยจะระมัดระวังในเรื่องของคำพูดพลอยให้มากขึ้น แล้วก็มีสติในการควบคุมอารมณ์ให้มากขึ้นกว่านี้ ต่อไปนี้ก็คงจะไม่ใช่ว่าจะเอาตัวเองออกมาจากเรื่องนี้หรืออะไร เพราะว่าอย่างที่พลอยเคยบอกว่า พลอยไปห้ามคนที่มามีเรื่องกับพลอยไม่ได้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่แรก พลอยไม่ได้ทำให้มันเกิด แล้วพลอยก็พยายามควบคุมอารมณ์แล้ว พยายามไม่เอาเรื่องตั้งแต่แรกแล้ว แล้วเรื่องมันเกิดมาเป็นอาทิตย์แล้ว เรื่องเฟซบุ๊กก็ด้วย ก็สำหรับพลอย นี่คือเราก็เจอเรื่องแย่ๆ อยู่ทุกวัน บางคนปีหนึ่งอาจจะเจอเรื่องแย่ๆ สักครั้งสองครั้ง หรือห้าปีครั้งหนึ่ง ว่าแต่พลอยเจอเกือบทุกวัน ก็อยากจะบอกว่า ความอดทนของพลอยก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน แต่สัญญาค่ะว่า พลอยจะมีความอดทนให้มากกว่านี้ จะพยายามระมัดระวังให้มากกว่านี้ แต่สิ่งที่พลอยพูดไป คือ พลอยพูดด้วยความสัตย์จริง พลอยเป็นคนที่แบบว่า พลอยชอบอยู่ในที่ของพลอย ในโลกของพลอยก็จริง แต่พลอยไม่เคยไปหาเรื่องใครก่อน แต่ถ้ามันมีคนมากล่าวหา มันก็เป็นธรรมดาที่เราจะมีความโกรธ แต่ว่าเราก็มีความเสียใจที่หลากหลายมาก ก็หวังว่าทุกอย่างมันคงจะโอเค พลอยก็จะระวังในคำพูด แต่พลอยก็ขอยืนยันว่า ถ้าสิ่งใดที่พลอยไม่ได้ทำ พลอยก็จะสู้ แต่ต่อไปนี้พลอยคงจะเปลี่ยนคำพูด เปลี่ยนวิธีให้มันดูโอเคกับทุกคน เพราะว่าพลอยก็ไม่รู้เหมือนกัน เกิดเป็นพลอย เฌอมาลย์ ทำอะไรก็ผิด จะสู้ก็ผิด แต่บางทีจะอยู่เฉยๆ ก็ผิด ก็อยากจะขอความเห็นใจตรงนี้ด้วย ถามว่าจะหนีไหม ก็ไม่หนี จะหนีไปไหน เราไม่ได้ทำอะไรผิด พลอยไม่หนีหรอก ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ว่ากับกระแสสังคมที่มันเกิดขึ้น หรือว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ในพันทิปหรือว่าต่างๆ นานา เว็บผู้จัดการหรืออะไรมันทิ่มแทงใจพลอย มันเจ็บ คือ พลอยไม่ได้อ่าน แต่มีคนมาโพตส์ลงในอินสตาแกรมพลอย พลอยเลยเห็น มันเลยจำเป็นที่จะต้องเห็น เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็เสียใจกับเรื่องที่มันมาทิ่มแทงใจเรา มากล่าวหาเรา วันนี้พลอยเลยให้ทุกคนมาแถลงข่าวเพื่อความกระจ่าง ให้เรื่องทุกอย่างมันจบไป แล้วก็ให้เข้าใจตัวพลอยด้วยว่า เราก็พยายามแล้ว (ร้องไห้) กับเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ถือว่ามันก็เป็นบทเรียนเยอะ แต่ว่าก็เหนื่อยเหมือนกัน เพราะบทพิสูจน์ของพลอยบางทีมันค่อนข้างที่จะเยอะและก็มีมาเรื่อยๆ ถามว่าเป็นบทเรียนมั้ย ก็เป็นบทเรียน และก็เป็นบททดสอบเหมือนกันว่าพลอยยังไม่ผ่านสำหรับการควบคุมอารมณ์ของพลอย ก็จะพยายามแก้ไขตัวเอง ตอนนี้ก็ได้แต่อธิษฐานและขอพรให้ตัวเองว่า ต่อไปนี้คงจะไม่มีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะว่าตลอดทั้งปีนี้ พลอยเจอแต่เรื่องแบบนี้ พลอยค่อนข้างที่จะเหนื่อย ก็อยากทุกคนเห็นใจพลอยบ้าง พลอยก็เหนื่อยเหมือนกัน บางทีพลอยอยากจะต่อสู้ แต่พอเราต่อสู้แล้ว สังคมมองเราว่าเราเป็นคนผิด มันก็เจ็บเหมือนกัน ก็หวังว่าต่อจากนี้ไปคงมีเรื่องดีๆ กับพลอยบ้างค่ะ ขอบคุณค่ะ"ด้าน "แม่แหม่ม" ถ้าบอกว่าอยากจะบอกอะไรไหม ก็ขอเถอะค่ะ อย่าด่าอะไรที่หยาบคาย ขอเถอะค่ะให้รู้ความจริงก่อนแล้วค่อยไปโพสต์ด่าหรืออะไรทั้งนั้น อันนี้มันอัดอั้นตันใจมานาน แม่ก็เป็นคนดูข่าวและก็ดูแลลูกมาเสมอ ก็อยากจะขอโอกาสให้ได้ทราบความจริงก่อน แล้วค่อยไปโพสต์ด่าพลอยหรือด่าแม่หรือด่าครอบครัวแม่ แม่ขอสำหรับการโพสต์อะไรลงไปในอินเทอร์เน็ตต่างๆ แต่วันนี้ก็ได้พูดเพราะว่าเราไม่ค่อยได้เจอกับนักข่าว ก็นานแล้วนะคะ ก็หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกับน้องๆ ลูกๆ นักข่าว ก็ในเรื่องของการโพสต์ แม่ขอโอกาสอย่าเพิ่งด่าพลอย ขอให้รับทราบความจริงต่างๆ ก่อนแล้วค่อยด่า เพราะว่ามันเยอะมาก พอเยอะแล้วมันก็จะมีคนโทรมา ของแม่ 3 เครื่อง มันดังพร้อมกัน มันก็ไม่ไหวนะคะ ยังไงเรื่องนี้แม่ขอให้เรื่องมันจบ เพราะว่าเราได้แก้ไขให้มันถูกต้องแล้ว ยังไงเราก็ยืนอยู่ตรงนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว ไม่มีอะไร ถ้าผิดแล้วเราขอโทษ แต่ถ้าเราไม่ได้ทำ เราจะสู้ แต่ถ้าเราได้ทำผิดเรากราบขอโทษจริงๆ ค่ะ (ยกมือไหว้) ขอโอกาสนี้ด้วยนะคะ" ด้าน มิว ผู้จัดการส่วนตัว ก็ชี้แจงว่า "ต่อไปก็ต้องดิวกับบริษัทบัญชี เพราะว่างานพลอยจะเยอะมาก แล้วพลอยก็ต้องทำงาน คิวเยอะมากอยู่แล้ว แล้วเรา 2 คน ไม่มีความรู้เรื่องบัญชีเลย ก็ต้องมอบให้บริษัทเป็นคนจัดการ แล้วก็ต่อไปเราผ่านบริษัทไปเลยโดยตรงดีกว่า ความผิดพลาดจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook