ตามคาด!!แกรนด์สปอร์ตเฉือนเอฟบีทีคว้าประมูลชุดทีมชาติ 66 ล้าน

ตามคาด!!แกรนด์สปอร์ตเฉือนเอฟบีทีคว้าประมูลชุดทีมชาติ 66 ล้าน

ตามคาด!!แกรนด์สปอร์ตเฉือนเอฟบีทีคว้าประมูลชุดทีมชาติ 66 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แกรนสปอร์ต คว้าสิทธิ์ในการดูแลชุดแข่งขันทีมชาติไทยหลังเปิดซองประมูลให้เงินเหนือกว่า เอฟบีที โดยจีเอสพร้อมจ่ายให้ สมาคมฟุตบอลฯ ปีละ 22 ล้านบาท 3 ปีรวม 66 ล้านบาท แถมเบิกอุปกรณ์ได้แบบไม่อั้น

การประมูลชุดแข่งขันทีมชาติไทยภายหลังจากที่ ไนกี้ หมดสัญญาไปเมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่าเป็นการแข่งขันกัน ของ บริษัทโรงงานฟุตบอลไทยสปอร์ตติ้งกู๊ดส์ จำกัด (เอฟบีที) และ บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของไทยตามความคาดหมาย

ผลการเปิดซองประมูลนั้น แกรนด์สปอร์ต ยื่นข้อเสนอ 1.ชุดแข่งขันและอุปกรณ์สำหรับทีมชาติไทยทุกชุด, ชาย - หญิง, ฟุตซอล ภายใต้การดูแลสมาคมฯ โดยไม่จำกัดมูลค่า 2.เงินสดปีละ 22 ล้าน รวม 3 ปี 66 ล้านบาทถ้วน

3.ลูกฟุตบอลสำหรับการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก, ดิวิชั่น1,ดิวิชั่น2,มูลนิธิไทยคมเอฟเอคัพ,โตโยต้าลีกคัพ,ถ้วยพระราชทาน ประเภท ก, ข, ค, ง และรายการอื่นๆภายใต้การรับรองของสมาคมฯ ปีละไม่ต่ำกว่า 8 ล้าน รวม 3 ปี ไม่ต่ำกว่า 24 ล้านบาท 4.สนับสนุนชุดผู้ตัดสินปีละ 2 ล้านบาท รวม 3 ปี 6 ล้านบาทถ้วน5.ผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อใช้ในงานของสมาคมฯ

ส่วนเอฟบีที ยื่นข้อเสนอในวงเงินรวมปีละ 48 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 144 ล้านบาทแบ่ง 1.เงินสดปีละ 12 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี รวม 36 ล้าน โดยแบ่งย่อยเป็นการสนับสนุนงานบริหารสมาคม ปีละ 10 ล้านบาทและสนับสนุนชุดผู้ตัดสินปีละ 2 ล้านบาท

2 .ผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นกิจกรรม 36 ล้านบาท 3 ปี 108 ล้าน และ 3.จัดระดับเยาวชน 5 ภูมิภาค ภาคละ 1 ครั้งต่อปี รวม 5 ครั้งรวมปีละ 2.5 ล้านบาท 3 ปี รวม 7.5 ล้านบาท

องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอล ตัดสินใจปรึกษากับ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ รวมไปถึง วีระ คำมี ที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมายและตัดสินใจทันทีโดยให้ แกรนด์สปอร์ต เป็นผู้ชนะการประมูล

ทั้งนี้ข้อเสนอของ แกรนด์สปอร์ต มีมูลค่าสูงกว่า เอฟบีที อย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบจำนวนเงินที่ให้สนับสนุนสมาคมฟุตบอล โดย แกรนด์สปอร์ต ให้เงินปีละ 22 ล้านบาทเป็นระยะเวลา 3 ปี รวม 66 ล้านบาทส่วน เอฟบีที ให้เงิน 12 ล้านบาทเป็นระยะเวลา 3 ปีเท่ากันรวม 36 ล้านบาท

แม้ว่า เอฟบีที จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์เป็นมูลค่าปีละ 36 ล้านบาท แต่ทาง แกรนด์สปอร์ต นั้นให้สมาคมฟุตบอลเบิกชุดแข่งขันได้ในจำนวนที่ไม่จำกัด

อย่างไรก็ตาม การเซ็นสัญญาระหว่างสมาคมฟุตบอลฯและแกรนด์สปอร์ตจะยังไม่เกิดขึ้นเนื่องจากยังคงมีคู่สัญญากับทางไนกี้อยู่ 180 วัน ซึ่งทางสมาคมฟุตบอลฯต้องแจ้งทางไนกี้และดูท่าทีว่าจะสู้ข้อเสนอของแกรนด์สปอร์ตหรือไม่ หากไม่มีการเกทับมาก็จะมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการทันที

ด้าน ธารา พฤกษ์ชะอุ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "การประมูลครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราเอก็ต้องขอขอบคุณสมาคมฟุตบอลที่ไว้วางใจเราอีกครั้ง หลังล่าสุดที่ได้สนับสนุนชุดแข่งขันทีมชาติต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2538 สมัยท่านชลอ เกิดเทศ เป็นนายกสมาคมฯ

"ชุดแข่งขันอย่างเป็นทางการของแกรนด์สปอร์ตที่จะผลิตให้กับทีมชาติไทยต่อจากนี้น่าจะเป็นทัวนาเม้นท์ฟุตซอลโลกในเดือน พ.ย. ส่วนก่อนหน้านี้คงเป็นชุดแข่งขันแบบไม่เป็นทางการไปก่อน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook