สาวซีวิคขึ้นศาลฟังตัดสินคดีชน9ศพ-ญาติเหยื่อมาครบ

ความเคลื่อนไหวที่ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ก่อนการตัดสินคดีในคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเยาวชนหญิง เป็นจำเลยในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินเสียหายและใช้โทรศัพท์ขณะขับรถยนต์ เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 9 ราย และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 โดยในชั้นสอบสวน จำเลยให้การปฏิเสธ ทั้ง 2 ข้อหา โดยขณะนี้ เยาวชนหญิงที่ขับรถยนต์คันก่อเหตุพร้อมญาติ และทนายความ เดินทางมาถึงศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อรอฟังคำตัดสินคดี โดยมีสีหน้าที่เรียบเฉย และเข้าไปในห้องพิจารณาคดีโดยไม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนแต่อย่างใด ขณะที่ ญาติของผู้เสียหายเอง ก็ได้เดินทางมาถึงศาลแล้วเช่นกัน และยังไม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ล่าสุด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิพากษาจำคุก 3 ปี เยาวชนหญิงขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้บนทางยกระดับโทลล์เวย์ จนมีผู้เสียชีวิต 9 ศพ เหตุเกิด เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2553 ในข้อหาขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ให้ลดโทษลงเหลือ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 2 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ก่อน 3 ปี นอกจากนี้ให้คุมประพฤติเป็นเวลา 3 ปี และห้ามขับรถยนต์ จนถึงอายุ 25 ปีด้าน นางยุวดี เยี่ยงยุกดิ์สากล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยภายหลังศาลมีคำพิพากษาว่า ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐาน ทั้งพยานแวดล้อม พยานบุคคล รวมทั้ง ผลทางนิติวิทยาศาสตร์และการนำสืบเป็นประโยชน์ จึงพิพากษาดังกล่าว  แต่ความผิดฐานโทรศัพท์ขณะขับขี่รถนั้น ให้ยกคำร้อง เพราะไม่สามารถนำสืบได้ เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานที่สามารถยืนยัน  ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเรื่องของคดีทางแพ่ง แต่เบื้องต้นจำเลยได้มีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลบรรเทาโทษไปก่อนหน้านี้แล้ว  หลังจากนี้ให้เป็นเรื่องของผู้เสียหาย ที่จะต้องพิจารณาต่อไป ญาติเหยื่อพอใจคำพิพากษาสาวซีวิคชน9ศพ ภายหลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้มีคำพิพากษา ในคดีที่เยาวชนหญิงขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้ บนทางยกระดับโทลล์เวย์ จนมีผู้เสียชีวิต 9 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2553 ในข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ด้าน นางทองพูน พานทอง มารดาของ น.ส.นฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้ ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำพิพากษา ที่สามารถชี้ให้เห็นว่าใครเป็นคนผิด เนื่องจาก รอวันพิพากษามาเป็นเวลานานถึง 1 ปี 8 เดือน แล้ว ขณะที่ พ.ต.อ.ศรัณย์ นิลวัน บิดาของหนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในส่วนการเรียกค่าเสียหายนั้น ทางทนายความได้ยื่นฟ้องศาลแพ่งไปแล้ว โดยแยกเป็นรายบุคคล ทั้งผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ซึ่งศาลได้นัดสืบพยานนัดแรก ในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ติดใจอะไร เนื่องจากเป็นคดีเยาวชน ซึ่งคำพิพากษาของศาล ก็เป็นที่พอใจของญาติผู้เสียหายส่วนใหญ่