ที่นี่ประเทศไทย สาวซีวิค 9 ศพ ก็แค่รอลงอาญา
เป็นเวลากว่า 1 ปี 8 เดือน ที่ผู้คนในสังคมต่างจับตาดูคดีสุดสะเทือนใจ "สาวซีวิค 9 ศพ" ว่าจะลงเอยอย่างไร เพราะคดีนี้เป็นเสมือนคนจนสู้กับคนรวย และยังมีการพูดถึงความยุติธรรมของศาลว่าจะมีมากน้อยแค่ไหนกับจำเลยที่มาจากตระกูลดัง ที่ผ่านมามีการต่อสู้กันในชั้นศาลหลายต่อหลายครั้ง รวมไปถึงการนัดเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ทางฝ่ายจำเลยก็ยืนกระต่ายขาเดียว "ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา" มาโดยตลอด
จนมาถึงวันที่ 31 ส.ค. 2555 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางพิพากษาในคดีนี้ ตัดสินให้จำเลย รับโทษจำคุก 3 ปี ฐานขับขี่รถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต แต่จำเลยให้การนำสืบพยาน เป็นประโยชน์ต่อคดี จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือลงโทษจำคุก 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี พร้อมสั่งคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนข้อหาใช้โทรศัทพ์มือถือขณะขับรถ โจทก์ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวจริง จึงพิพากษายกฟ้อง
จากกรณีทำให้โลกออนไลน์เกือบลุกเป็นไฟ เนื่องจากไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับติดสินที่ออกมาเท่าไหร่ เพราะการรอลงอาญา ก็เหมือนการไม่ติดคุกนั่นเอง และมีการถกเถียงกันประเด็นที่ว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ แต่ทำไมถึงรับโทษแค่เพียงเท่านี้ หากเป็นลูกตาสีตาสาคงจะไม่ติดคุกหัวโตไปแล้วหรือ..? พร้อมยังมีการนำไปเปรียบเทียบกับคดีแม่ลูกที่ต้องติดคุกทันที หลังโดนจับเพราะนำซีดีเก่ามาขาย เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ขณะที่หลายฝ่ายมองว่าไม่แปลก เพราะคิดว่าต้องออกมารูปแบบนี้อยู่แล้ว
ด้วยเหตุเช่นนี้จึงอาจเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า 2 มาตรฐาน มีอยู่จริงในสังคมไทย คนรวยตระกูลใหญ่โตได้สิทธิพิเศษไม่ต้องติดคุกติดตาราง หรือชดใช้ความผิดที่ได้กระทำไว้อย่างเท่าเทียมกันหรืออย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคดีนี้หรือคดีไหนๆก็ตาม แต่อย่างไรเราก็ต้องน้อมรับคำตัดสินของศาล เพราะบ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป และถึงแม้ว่าโทษทางกายอาจจะไม่รับ แต่เชื่อว่าโทษทางใจใครๆใลกนี้ก็คงหนีไม่พ้นเป็นแน่แท้
ทั้งนี้ในส่วนคดี สาวซีวิค 9 ศพ ญาติของผู้เสียหายสามารถ สามารถอุทธรณ์ต่อศาลได้ในระยะเวลา 30 วัน หากไม่พอใจกับคำตัดสิน ส่วนเรื่องทางแพ่งนั้นเมื่อมีคดีความทางอาญาพิพากษามาว่า มีความผิดจริงก็เป็นผลเกี่ยวเนื่องต่อคดีทางแพ่ง ที่ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้อย่างเต็มที่ต่อไป