ราฟาแฉวีรกรรม2ปลิง,เมินอัดฉีดทำหงส์อดแชมป์
เบนิเตซ แฉโดนกีดกันจากอดีตสองเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล ในตลาดซื้อขายนักเตะ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาชวดพา "หงส์แดง" ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีก อย่างน่าเสียดาย
ราฟาเอล เบนิเตซ เทรนเนอร์คนดังชาวสเปน ออกมาย้อนความหลังเมื่อสมัยยังคุมทัพ ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์หลับแห่งศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เผยว่า เขาโดนกีดกันจากทั้ง ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ 2 เจ้าของทีม "หงส์แดง" ในยุคนั้น ในการซื้อตัวนักเตะใหม่ จนเป็นสาเหตุทีทำให้ทีมยังคงต้องห่างหายจากตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี มาจนถึงปัจจุบัน
เบนิเตซ นั้นพา ลิเวอร์พูล ได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2008-2009 โดยตัวเขาเชื่อมั่นว่า ตอนนั้นทีม "หงส์แดง" พร้อมแล้วสำหรับการก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี ถ้าหากว่ามีการเสริมทัพที่ดีในช่วงปิดซีซั่น แต่ว่า "เอล บอส" ก็ต้องฝันสลาย เนื่องจากว่า ทั้ง ฮิคส์ และ ยิลเล็ตต์ นั้นปฎิเสธที่จะให้งบซื้อนักเตะตามที่ เบนิเตซ ต้องการ
เบนิเตซ ที่คุมทัพ ลิเวอร์พูล ระหว่างปี 2004-2010 ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า "ผมคุมทีม ลิเวอร์พูล มา 5 ปี ผมเชื่อว่าในปีที่หก ผมจะเป็นผู้จัดการทีมที่มีงบในการซื้อนักเตะ แต่กลายเป็นว่าเจ้าของทีม ทั้ง ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างตึงเครียด"
"การไปตะลุยตลาดซื้อขายนักเตะมันกลายเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เรารู้ดีว่าเราต้องการใครสักคนที่มาคอยสนับสนุน เฟร์นานโด ตอร์เรส ซึ่ง ดาวิด เอ็นก๊อก กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา และยังไม่พร้อม ตอนนั้นผู้เล่นที่เราต้องการคือ สเตฟาน โยเวติช เจ้าหนุ่มดาวรุ่งชาวมอนเตเนโกร ของ ฟิออเรนติน่า แต่เราก็ทำได้แค่นั้น"
"เช่นเดียวกับ ในแนวรับ เราต้องการ กองหลังที่จะมาคอยเป็นตัวเลือกยามที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล และ แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ไม่พร้อม ตอนนั้นผมเล็งไปที่ ซิลแว็ง ดิสแตง และ แม็ทธิว อัพสัน คนใดคนหนึ่ง บวกกับ โยเวติช ซึ่งถ้าเราได้พวกเขามาสู่ทีม เราก็จะลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวในฤดูกาลถัดไปอย่างแน่นอน แต่ที่ ลิเวอร์พูล เหตุผลทางธุรกิจมีอิทธิพลเหนือเหตุผลทางฟุตบอล ทำให้โอกาสในการเป็นแชมป์ของเราหลุดลอยไปในที่สุด"
ปัจจุบัน ตัวของ เบนิเตซ ไม่ได้รับงานคุมทีมใดๆ นับตั้งแต่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ของ อินเตอร์ มิลาน เมื่อช่วงปลายปี 2010 ส่วนทางด้านของ ลิเวอร์พูล ก็ยังคงต้องรอแชมป์ลีก สมัยที่ 19 โดยครั้งสุดท้ายที่ได้สัมผัสกับเกียรติยศชิ้นนี้ ก็ต้องย้อนไปไกลถึงปี 1990 เลยทีเดียว
