เกย์แสบ! ตุ๋นทองห้างดังโคราชหนัก 200 บาท หนีลอยนวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายจรัญวัฒน์ นันทคุณาธิป อายุ 43 ปี เจ้าของร้านทองเพชรสุวรรณ ตราปลามังกร และ น.ส.กวินสรา นันทคุณาธิป อายุ 38 ปี เจ้าของร้านทองเพชรสุวรรณ ตรานกกระเรียน สาขาเดอะมอลล์นครราชสีมา 2 พี่น้องมาร้องเรียนสื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์ติดตามล่าตัวคนร้าย ที่ก่อเหตุฉ้อโกงซื้อทองของร้านจำนวนหนักรวม 200 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา
โดยคนร้ายรายนี้เป็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัด หน้าตาดี ผิวขาว ผมรองทรง ใช้วิธีสั่งจ่ายเช็คธนาคารต่างสาขาให้กับทางเจ้าของร้าน ตามขั้นตอนการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งหากเมื่อนำเช็คไปขึ้นเงินแล้วจะมียอดเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหายจริง แต่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ เนื่องจากเป็นเพียงการแจ้งจ่ายยอดเงินเข้ามาก่อน ซึ่งในกรณีการสั่งจ่ายเช็คต่างธนาคารจะต้องรอเคลียริ่งหรือการนำฝากยอดเงินเข้าบัญชีประมาณ 3-4 วัน แล้วแต่ธนาคารจึงจะสามารถเบิกจ่ายได้ แต่เนื่องจากผู้เสียหายทั้ง 2 รายไม่ได้มีการตรวจสอบรายละเอียดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน พบเห็นเพียงตัวเลขจำนวนเงินที่เข้าบัญชีตามที่คนร้ายกล่าวอ้าง จึงยินยอมที่จะมอบทองคำดังกล่าวให้กับคนร้ายไปก่อน แต่เมื่อถึงเวลาจะไปเบิกเงินก็พบว่าไม่มียอดเงินเข้ามาในบัญชีจริง ซึ่งทางผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ได้นำหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด พร้อมเช็คที่คนร้ายสั่งจ่ายไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมาไว้เรียบร้อยแล้ว
พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ สารวัตรงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ได้ตรวจสอบภาพวงจรปิดที่ผู้เสียหายนำมามอบให้ พร้อมเช็คที่คนร้ายใช้ประกอบเหตุมาตรวจสอบอย่างละเอียด จนสามารถระบุตัวคนร้ายได้แล้ว ทราบชื่อ คือ นายสหชาติ เกษมทาง อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 186 หมู่ 3 ต.เมืองศรีไค อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยคนร้ายรายนี้มีประวัติการฉ้อโกงทรัพย์ ทั้งรถยนต์ เงินสด และทองคำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง มีหมายจับติดตัวอย่างเป็นทางการ 2 หมาย ฐานฉ้อโกงทรัพย์ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษ นอกจากนี้ ยังถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาเดียวกับของสถานีตำรวจอีกหลายท้องที่ อยู่ระหว่างออกหมายจับอีกอย่างน้อย 5 หมาย ทั้งในพื้นที่ภาคอีสานและกรุงเทพฯ นอกจากนี้ จากการสอบประวัตินายสหชาติ พบว่ามีการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อเพื่อหนีคดีหลังก่อเหตุ
พ.ต.ท.ภูมิ เปิดเผยว่า วิธีการที่นายสหชาติใช้ในการก่อเหตุในครั้งนี้ จะเลือกเปิดบัญชีธนาคารไว้หลายแห่ง จากนั้นจะขอเช็คจากทางธนาคารเพื่อมาใช้ในการดำเนินธุรกรรมทางการเงิน และเริ่มวางแผนลงมือต้มตุ๋น โดยในการก่อเหตุในครั้งนี้คนร้ายได้เลือกที่จะทำทีติดต่อซื้อทองรูปพรรณจากผู้เสียหายทั้ง 2 ราย คือร้านทองของนายจรัญวัฒน์ นันทคุณาธิป และ น.ส.กวินสรา นันทคุณาธิป น้ำหนักรวมร้านละ 100 บาท ในราคา 2,580,000 บาท และ 2,600,000 บาท ตามลำดับ และติดต่อสอบถามถึงหมายเลขบัญชีของเจ้าของร้านทองทั้ง 2 แห่งเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีก่อนที่จะเข้าไปรับของ เพื่อให้ผู้เสียหายตายใจ จนทราบว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายทั้ง 2 รายเป็นบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์ จึงเลือกที่จะสั่งจ่ายเช็คของธนาคารทหารไทย เพื่อใช้ช่องว่างของการดำเนินธุรกรรมทางการเงินระหว่างธนาคาร โดยหากไม่ใช้ธนาคารเดียวกันแล้วผู้ถือครองเช็คสามารถสั่งจ่ายยอดเงินเข้าบัญชีของผู้รับต่างธนาคารได้ทันที ซึ่งจะมีตัวเลขยอดเงินเข้าบัญชีผู้รับทันที หลังมีการนำเช็คไปขึ้นเงิน แต่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ต้องรอการประสานงานระหว่างธนาคาร เพื่อให้โอนเงินจากบัญชีผู้สั่งจ่าย ซึ่งหากเป็นธนาคารในพื้นที่จังหวัดเดียวกันจะใช้ระยะเวลาการตรวจสอบ 2 วัน แต่หากต่างจังหวัดกันจะต้องใช้ระยะเวลา 7 วัน โดยจะมีจุดสังเกต คือ ด้านหน้ายอดจำนวนเงินที่เข้าบัญชีจะมีอักษรภาษาอังกฤษ "QN" หรือรอเคลียริ่ง ยังไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ ซึ่งหากเลยระยะเวลาที่กำหนดแล้วยังไม่มียอดเงินเข้าจำนวนเงินในบัญชีผู้รับ ก็จะถูกหักลบไปเช่นเดิม ซึ่งผู้เสียหายทั้ง 2 รายไม่ทันสังเกตหรือตรวจสอบรายละเอียดเรื่องนี้ เมื่อพบยอดเงินเข้าบัญชีแล้ว จึงหลงเชื่อและมอบทองคำทั้งหมดให้กับคนร้ายไปดังกล่าว ทั้งนี้ทางศาลจังหวัดนครราชสีมาได้อนุมัติหมายจับนายสหชาติเรียบร้อยแล้ว
ด้านนายจรัญวัฒน์ นันทคุณาธิป เจ้าของร้านทองเพชรสุวรรณ ตราปลามังกร เปิดเผยว่า คนร้ายรายนี้มีลักษณะหน้าตาที่สุภาพเรียบร้อย พร้อมกับอ้างตัวว่าเป็นแพทย์อยู่ประจำโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งระหว่างที่มาติดต่อสอบถามขอซื้อทองจากทางร้าน ก็ได้ใส่เสื้อกาวน์ของโรงพยาบาลสีขาวและเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำคลุมทับมาด้วย โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ได้เข้ามาติดต่อสอบถามขอซื้อทองที่ร้านของตน ต่อมาวันจันทร์ที่ 24 กันยายน ก็โทร.มาบอกตนว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีแล้ว ซึ่งตนก็ได้สั่งให้ลูกน้องภายในร้านนำสมุดบัญชีไปปรับดูตัวเลขเงิน ก็ปรากฏว่ามีเงินเข้าบัญชีจำนวน 2,580,000 บาท ตามที่คนร้ายบอก แต่ไม่ได้สังเกตตัวอักษรภาษาอังกฤษ QN ด้านหน้าจำนวนเงิน จึงไว้วางใจให้คนร้ายเลือกทองรูปพรรณและนำทองทั้งหมดจัดใส่กล่องให้คนร้ายไปโดยง่ายดาย วันต่อมาจึงได้ไปสอบถามธนาคารไทยพาณิชย์และได้รับคำตอบว่าเงินที่โอนมานี้ยังไม่สามารถเบิกได้ เพราะยังไม่ผ่านขั้นตอนเคลียริ่ง เมื่อโทร.ไปหาคนร้ายก็ปิดเครื่องตลอด จึงรู้ตัวว่าโดนหลอกและเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งตนสงสัยว่าเหตุใดธนาคารทหารไทยจึงได้ให้นายสหชาติ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอื่นและไม่มีการทำธุรกิจใดๆ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา สามารถเปิดบัญชีกระแสรายวัน พร้อมกับออกเช็คให้อย่างง่ายดาย จึงอยากให้ตรวจสอบกระบวนการทำบัญชีกระแสรายวันของธนาคารด้วยว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้างหรือไม่ เพราะเกรงว่าคนร้ายอาจจะทำกันเป็นขบวนการ ในส่วนของการติดตามจับคนร้ายนั้นทางร้านทองเพชรสุวรรณทั้ง 2 สาขาก็ได้ตั้งเงินรางวัลจำนวน 200,000 บาท แก่ผู้ที่ชี้เบาะแสจนสามารถจับตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีได้