หมอสุพัฒน์ เขียนจดหมายแฉกลับพี่ชาย ใส่ร้ายหวังฮุบสมบัติแม่

หมอสุพัฒน์ ส่งจดหมายจากเรือนจำเพชรบุรี โดยระบุว่าพี่ชาย นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ ยักยอกทรัพย์สินแม่ ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน 

(8 ต.ค.) นายเอก เลาหะวัฒนะ อายุ 30 ปี ลูกชาย หมอสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาอุ้มฆ่าสองสามีภรรยา ได้ถือจดหมายลายมือบิดาตนเองนำมาแจกให้กับสื่อมวลชนที่ด้านหน้าเรือนจำเพชรบุรี  

โดย บุตรชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เผยว่าตอนนี้ บิดามีสภาพอิดโรย เนื่องจากไม่ค่อยได้พักผ่อน พร้อมกับบอกอีกว่าพ่อมีความรู้สึกอัดอั้นตันใจมาก เพราะตั้งแต่ถูกควบคุมตัวมายังไม่มีโอกาสได้เปิดเผยความในใจเลยว่ามีที่มาไปอย่างไร

ทั้งนี้ นายเอก ได้นำถ้อยคำและข้อความที่ หมอสุพัฒน์ เขียนด้วยลายมือจำนวน 10 หน้า ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน โดยนายเอกระบุว่า พ่อฝากจดหมายที่เป็นข้อเท็จจริงมายังสื่อมวลชน เพราะตอนนี้สื่อนำเสนอข่าวออกในด้านเดียว ก็เลยอยากจะให้รับรู้ในด้านที่ท่านอยากให้รับทราบบ้าง สิ่งที่กังวลคือเรื่องคดีที่ถูกตั้งข้อหารายวัน อยากให้ตำรวจรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่า บิดานั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือเป็นผู้กระทำความผิด โดยพ่อมองว่าไม่ได้รับความยุติธรรม

ซึ่งเนื้อหาเอกสารของหมอสุพัฒน์ ยืนยันว่า ไม่เคยมีเรื่องขัดใจรุนแรงกับนายนายสามารถ นุ่มจุ้ย และครอบครัว และที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน

นอกจากนี้ ยังชี้แจงกรณีถูกกล่าวหา มีพฤติกรรมต้องการให้ นางถนิม มารดาเสียชีวิต ตามที่ปรากฎในคลิปวีดีโอ ที่ถูกนำเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน ว่าเป็นการพูดชื่อลูกสลับกัน เนื่องจากเป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรง และเป็นเหตุผลให้ตนเอง ร้องต่อศาลขอเป็นผู้อนุบาลมารดา ในระหว่างรอกระบวนการพิจารณาคดี ที่นายสุเทพ พี่ชาย และนางสุคนธ์ ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง นำมารดาไปพิมพ์มือ โอนขายที่ดินเป็นเงิน 200 ล้านบาท และถ่ายเทเงินดังกล่าวไป จนหมดเป็นเหตุให้ศาลอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของนางถนิม ทำให้นายสุเทพ ซึ่งมีปัญหาด้านการเงินมาโดยตลอดเดือดร้อน

นายเอก ยังบอกถึงกรณีที่ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยาของพ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ ซึ่งถูกตำรวจภูธรภาค 7 ควบคุมตัว อ้างว่า นายเอก เป็นผู้ขับรถของนายสามารถ นุ่มจุ้ย ผู้สูญหายไปนั้น ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว และมีพยานยืนยันว่า ไม่เคยไปที่ไร่ในจ.เพชรบุรี รวมทั้งที่บ้านของพ.ต.อ. นพ.สุพัฒน์ ในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นจุดที่พบรถของนายสามารถ และยังไม่ได้รับการติดต่อจากตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้ปากคำ

สุดท้ายใจความในจดหมายระบุอีกว่า นายสุเทพ มีโรงงานว่านหางจระเข้ขนาดใหญ่ สร้างบนที่ดินของตนที่ยกให้โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว โดยนายสุเทพมีนายกะลา เป็นลูกน้องเก่า ซึ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าว และมีคดีฆ่าคนตายเคยจำคุก โดยสิ่งที่นายกะลาพูดทั้งหมด เป็นเรื่องที่นายสุเทพสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ตนเองกระทำ