ผลดีเอ็นเอ 3 ศพรอบ 2 เป็นคนงานพม่าไร่หมอสุพัฒน์

ผลดีเอ็นเอ 3 ศพรอบ 2 เป็นคนงานพม่าไร่หมอสุพัฒน์

ผลดีเอ็นเอ 3 ศพรอบ 2 เป็นคนงานพม่าไร่หมอสุพัฒน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(แฟ้มภาพข่าว)

(10 ต.ค.) ผศ.นพ.อุดมศักดิ์ หุ่นวิจิตร หัวหน้านิติพันธุศาสตร์และหน่วยวิชาการ ภาควิชานิติเวชศาสตร์ ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ แถลงผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ และเอกลักษณ์บุคคล เปรียบเทียบโครงกระดูก 3 โครง ที่พบในไร่สับปะรด ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหา คดีการหายตัวไปของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยา ชาว จ.เพชรบุรี

จากการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ทั้ง 3 โครง พบเป็นโครงกระดูกเพศชายทั้งหมด โดยตรวจพบรูกระสุนปืน เข้าบริเวณกระโหลกศีรษะ จำนวน 2 โครง ส่วนโครงกระดูกอีก 1 โครง ไม่พบรอยกระสุน ส่วนผลการตรวจสารพันธุกรรม หรือ DNA ยืนยันได้ว่า โครงกระดูก 1 ราย คือ นายต้า หรือ ตั้ง ชาวพม่า ซึ่งเป็นบิดาของเด็กชายโซโหร่ยโหร่ย ชาวพม่า และเป็นบุตรชายของ นายปิเอ่ ชาวพม่า

ส่วนผลการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับ นางเล็ก เฮ็งสุวรรณ มารดาของนายสามารถ นางเอื้อน เกิดทรัพย์ มารดาของนางอรษา และ นายเอกพจน์ จันทร์ลาด ซึ่งเป็นคนในพื้นที่และบิดาหายตัวไป ผลปรากฏว่า ดีเอ็นที่ตรวจได้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางพันธุกรรมกันกับทั้ง 3 คน แต่อย่างใด สำหรับโครงกระดูกอีก 2 โครง ที่ยังยืนยันไม่ได้ ทางแพทย์ได้เก็บดีเอ็นเอ บริเวณฟันและเนื้อเยื่อบริเวณกระพุ้งแก้มไว้ตรวจเปรียบเทียบแล้ว

ส่วนพยานอีกราย ซึ่งเป็นคนงานชาวพม่า ซึ่งเป็นเพื่อนกับ นายต้า ที่ตรวจดีเอ็นเอแล้วพบว่าเป็น 1 ในโครงกระดูกถูกฆ่าและฝังในไร่ ซึ่งคนงานชาวพม่ารายนี้อยู่ในเหตุการณ์ ขณะอุ้มสองสามีภรรยา เพียงแต่ไม่เห็นตอนฝัง โดยพยานรายนี้ยังมีความกลัว จึงหลบหนีไปอยู่ใน จ.สมุทรปราการ โดยได้เบาะแสจากสืบการติดตามอดีตคนงานชาวพม่าในไร่ โดยยังมีพยานอีกหลายรายที่อยู่ในไทยและพม่า ซึ่งจะต้องนำมาสอบปากคำต่อไป

ขณะที่ นายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชาย พันตำรวจเอกนายแพทย์ สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึง พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 , ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรท่าไม้รวก เนื่องจาก มีการกระทำเกินกว่าเหตุหลายอย่าง ทั้งการรีบร้อนออกหมายจับ โดยไม่เคยมีการออกหมายเรียก รวมทั้ง มีความพยายามเชื่อมโยงไปยังข้อหาฆ่าคนตาย ทั้งที่มีเพียงคำซัดทอดจากพยานเพียง 1 ปาก โดยยังไม่มีหลักฐานใดชี้ชัด

นอกจากนี้ ยังไม่เปิดโอกาสให้บิดาของตนเองเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง แต่กลับมีการจับกุมโดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ทำให้ตนเองและบิดา สงสัยในการใช้อำนาจหน้าที่ของชุดสืบสวนสอบสวนทั้งหมด จึงขอให้พิจารณาเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนใหม่ และขอให้เรียกตนเอง ผู้กล่าวหา และพยานทุกปากที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ไปสอบสวนให้ครบถ้วน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อตนเองและบิดาต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง พยานปากสำคัญโผล่อีก แฉหมอสุพัฒน์ซ้อมคนงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook